การเปิดตัวของ MERCEDES-BENZ GLE 350 DE 4MATIC EXCLUSIVE (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี 350 ดีอี 4 เมทิค เอกซ์คลูซีฟ) คือ การเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าจาก MERCEDES-BENZ GLE 300 D 4MATIC AMG DYNAMIC (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี 300 ดี 4 เมทิค เอเอมจี ไดนามิค) ขุมพลังดีเซลที่ทำตลาดอยู่ก่อนแล้ว โดยมีราคาค่าตัวถูกกว่าเกือบ 5 แสนบาท จากเหตุผลด้านภาษีสรรพสามิตของรถไฮบริด และมีการตัดอุปกรณ์บางอย่างออกไป
การออกแบบภายนอกให้ความรู้สึกหรูหรา แต่แฝงด้วยอารมณ์สปอร์ท พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่มีความโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้าแบบ LED HIGH PERFORMANCE ที่ให้ทั้งความสว่าง และโทนสีคล้ายแสงธรรมชาติสบายตา ตลอดจนการดีไซจ์นด้านท้ายให้ดูแข็งแกร่ง แต่โฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับ
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมระบบมัลทิมีเดีย MBUX (MERCEDES-BENZ USER EXPERIENCE) ที่ใช้งานง่ายเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวขณะขับขี่ พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงที่สามารถจดจำข้อมูล และเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานต่างๆ ของผู้ขับขี่ เพื่อแจ้งเตือน หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้ง่าย และเหมาะสมที่สุด โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อให้การตอบสนองได้เต็มประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ DIGITAL WIDESCREEN COCKPIT ขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ วางต่อกัน สามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผล และสะดวกสบายด้วยระบบสัมผัส พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันแบบสปอร์ทหุ้มหนัง NAPPA พร้อมปุ่มควบคุมแบบ TOUCH CONTROL และแพดเดิล ชิฟท์ ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบปรับไฟฟ้า มีหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง ที่คู่หน้า โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย
ขุมพลังดีเซล คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน เทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร มาตรฐานยูโร 6 ให้กำลัง 194 แรงม้า ที่ 3,800 รตน. แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 1,600-2,800 รตน. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44.9 กก.-ม. โดยเป็นเทคโนโลยีพลัก-อิน ไฮบริด เจเนอเรชันที่ 3 ให้กำลังสุทธิ 320 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 71.4 กก.-ม. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC สำหรับแบทเตอรีที่ใช้เป็นลิเธียม-ไอออน ความจุ 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยตัวเลขโรงงานระบุว่า สามารถวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนได้ไกล 106 กม. ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ชม. และอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.8 วินาที
สำหรับระบบรองรับเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบน ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลทิลิงค์ ส่วนเรื่องการหยุดก็มั่นใจได้เต็มที่ด้วยจานเบรคแบบมีช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยมากมาย อาทิ ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP: ELECTRIC STABILITY PROGRAM) ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ทุกสภาวะ ระบบเบรคป้องกันล้อลอค (ABS) ระบบช่วยเบรค BAS (BRAKE ASSIST SYSTEM) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (ACCELERATION SKID CONTROL) และอื่นๆ อีกมากมาย
การทดลองขับใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง-พัทยา โดยใช้มอเตอร์เวย์ ขุมพลังมีความกระฉับกระเฉง และยืดหยุ่นสูง เครื่องยนต์ดีเซลกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานประสานกันได้อย่างลงตัว ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 9 จังหวะ มีอัตราทดเหมาะสม และตอบสนองการทำงานได้นุ่มนวลต่อเนื่อง โหมดการขับขี่มีให้เลือกจากสวิทช์ DYNAMIC SELECT ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง 7 รูปแบบ ได้แก่ INDIVIDUAL, SPORT, COMFORT, ELECTRIC, BATTERY LEVEL, ECO และ OFFROAD แต่ด้วยเส้นทางที่ใช้ในการทดลองขับ จึงไม่มีโอกาสทดลองโหมด OFFROAD เพราะถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานในพื้นที่ทุรกันดาร
ตัวรถแม้จะมีน้ำหนักกว่า 2.5 ตัน แต่ด้วยการวางบาลานศ์น้ำหนักที่ดี ทำให้การขับขี่ใช้งานไม่รู้สึกถึงความอุ้ยอ้ายเลย ในทางกลับกัน ช่วงความเร็วเดินทาง ระบบรองรับให้ความรู้สึกหนักแน่น มั่นคง และมีความนุ่มนวลสูง ระบบความปลอดภัยที่มีให้ อาทิ ระบบช่วยเบรค ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในมุมอับ ระบบรักษาเลน รวมถึงระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการใช้เซนเซอร์คุณภาพสูง พร้อมหน่วยประมวลผลอื่นๆ เข้ามาประกอบการตัดสินใจของระบบ ช่วยลดความเครียดขณะเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี พวงมาลัยตอบสนองแม่นยำ และมีน้ำหนักกำลังดีในทุกย่านความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานท่ามกลางสภาพจราจรหรือขณะเดินทางไกล
ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีคันหรู ขุมพลังดีเซลเสียบปลั๊ก ขับสนุก ประหยัด ปลอดภัย ไร้กังวล