บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ ที่ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์อยู่ในประเทศรัสเซีย เริ่มยิ้มออก หลังจากที่ตลาดซบเซามานาน 4 ปี แต่นักวิเคราะห์ก็คาดการณ์กันว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งค่าเงิน Ruble ที่ค่อนข้างคงที่และแข็งค่าขึ้น ทำให้ผู้ผลิตสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการแลกเปลี่ยนเงินตรา และได้ผลประโยชน์เมื่อแลกกลับเป็นเงินดอลลาร์ด้วยVolkswagen Group, Renault-Nissan และ Ford ต่างพากันได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศรัสเซีย ที่เคยพุ่งสูงถึง 3 ล้านคัน ในปี 2555 ร่วงอย่างไม่เป็นท่า และการแข็งค่าของเงินสกุล Ruble ทำให้ราคาชิ้นส่วนที่สั่งนำเข้าเพื่อการประกอบ พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย แต่นักวิเคราะห์ของ Association of European Businesses ประเมินว่าในปี 2560 นี้ ยอดขายรถยนต์ในรัสเซีย จะเพิ่มขึ้น 4 % ค่ายรถยนต์ระดับโลก 5 ราย ที่ดำเนินงานอยู่ในรัสเซีย และมียอดขายรวมราว 38 % ของตลาดเมื่อปีที่แล้ว กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า การแข็งค่าของเงิน ช่วยปรับปรุงสถานภาพของค่ายรถยนต์ต่างๆ ให้สามารถรับมือกับสภาพตลาดที่ผันผวน และช่วงชิงตลาดจากค่ายรถยนต์จากเยอรมัน ซึ่งเป็นผู้นำอยู่ในตลาดยุโรปปัจจุบัน "ความผันผวนของค่าเงิน ทำให้การทำงานยากไปในทุกรูปแบบ ไม่ว่าค่าเงินจะแข็งหรืออ่อนตัว ตลอดระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมา ทำให้เราต้องขาดทุนมหาศาล" ผู้ดูแล Volkswagen Group ในประเทศรัสเซีย กล่าว "และตอนนี้เงิน Ruble แข็งค่าขึ้น ซึ่งหากเทียบกับค่าเงินยูโร ระหว่าง 65 ถึง 67 Ruble ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี" ปีนี้ ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 8 % เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ และแข็งค่า 6 % เทียบกับเงินยูโร อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศรัสเซีย General Motor ถอนตัวออกจากตลาดรัสเซีย เมื่อปี 2558 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความผันผวนของค่าเงิน แต่นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวว่า ค่ายรถยนต์ที่ผ่านพ้นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมาได้ ก็น่าจะสามารถทำกำไรได้ภายในปีนี้ "ผู้ผลิตจากต่างชาติที่ยอมขาดทุนจากการดำเนินการเมื่อสองปีที่ผ่านมา ก็จะสามารถมีโอกาสทำกำไรได้ ทั้งนี้เพราะเงิน Ruble แข็งค่าขึ้น" Vladimir Bespalov นักวิเคราะห์ กล่าว "น่าจะเกิดขึ้นได้ในราวปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า"