ชุดเครื่องเสียงติดรถยนต์จากโรงงานหรือ OEM ส่วนใหญ่จะมีแต่ลำโพงทวีเตอร์กับวูเฟอร์ที่ให้เสียงกลางกับแหลมเท่านั้น ไม่มีลำโพงซับวูเฟอร์ขับเสียงทุ้มต่ำ (เสียงเบสส์) ในย่านความถี่ตั้งแต่ 20-60 เฮิร์ทซ์ จากเครื่องดนตรีประเภท PIPE ORGAN, CELLO, PIANO, BASS GUITAR ดังนั้น ถ้าฟังเพลงที่เครื่องดนตรีเหล่านี้ เช่น เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง STAR WARS ที่บรรเลงโดยวงซิมโฟนี ซึ่งมีทั้ง CELLO, PIANO, PIPE ORGAN จะทำให้เสียงที่ออกมาขาดความสมจริงไปอย่างน่าเสียดาย
การอัพเกรดชุด OEM เพื่อให้ได้เสียงเบสส์อย่างที่ต้องการ สามารถทำได้ด้วยการติดตั้ง SUB BOX หรือบางยี่ห้อเรียกว่า BASS BOX เพิ่ม ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมกันมาก โดยในตลาดบ้านเรามี SUB BOX ให้เลือก 2 แบบ
แบบแรก SUB BOX ที่มีภาคขยายเสียงในตัวสำหรับขับลำโพงซับวูเฟอร์ พร้อมวงจรปรับแต่งเสียง เช่น ซับโซนิค ฟิลเตอร์, โลว์พาสส์ ฟิลเตอร์, ปุ่มปรับความไวอินพุท เหมาะสำหรับติดตั้งกับวิทยุรุ่นใหม่ๆ เช่น เครื่องเล่นมัลทิมีเดีย รีซีเวอร์ จะมีฟังค์ชัน TIME ALIGNMENT CROSSOVER และ GRAPHIC EQUALIZER เพื่อใช้ปรับเสียงให้เข้ากับรสนิยมการฟังเพลงของแต่ละคน นอกจากนี้ยังช่วยปรับแต่งเสียงให้เข้ากับสภาพอคูสติคในห้องโดยสารที่มีขนาดแตกต่างกัน
แบบที่ 2 เรียกว่า DSP AMPLIFIER มีภาคขยายเสียงขนาด 40 วัตต์x4 แชนแนล สำหรับขับลำโพงชุดหน้า/หลัง และซับวูเฟอร์ พร้อมวงจร DSP (DIGITAL SOUND PROCESSOR) ใช้ปรับแต่งเสียงเช่นกัน เหมาะสำหรับเครื่องเล่นวิทยุ/ซีดีทั่วไปที่ไม่มีฟังค์ชันต่างๆ เหมือนแบบแรก
ทั้ง 2 แบบสามารถติดตั้งได้ทั้งบริเวณใต้เบาะนั่งด้านหน้าทั้ง 2 ฝั่ง หรือที่วางเท้าฝั่งผู้โดยสารด้านซ้าย จะติดตั้งเองโดยดูคำแนะนำขั้นตอนต่างๆ จากคู่มือก็ได้ แต่แนะนำว่าควรให้ร้านค้าติดตั้งให้ เพราะจะมีเครื่องมือสำหรับติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์โดยเฉพาะ และการปรับแต่งเสียงตัว SUB BOX แบบที่ 2 จำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์โนทบุค หรือ PC ส่วนราคา SUB BOX มีให้เลือกตั้งแต่หลักพันถึงหมื่นบาท
อัพเกรดเครื่องเสียง OEM เป็นเรื่องไม่ยาก เพื่อให้คุณมีความสุขกับเพลงโปรด...ตลอดการเดินทาง