รายงานข่าวจาก Autocar อินเดีย ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายที่ค่าย GM จะต้องขนอุปกรณ์ทั้งหมดของสายการประกอบในโรงงาน Halol ประเทศอินเดีย ออกจากพื้นที่ เพื่อการส่งมอบให้ผู้ผลิตจากประเทศจีน SAIC เข้าใช้พื้นที่ สำหรับการประกอบรถยนต์ MG ที่จะลงทุนเพิ่มเติมอีกราว 103 ล้านบาท เพื่อการปรับปรุงสายการผลิตเพิ่มเติมRajeev Chaba ประธานและกรรมการผู้จัดการ MG Motor อินเดีย ให้สัมภาษณ์ว่า “วัตถุประสงค์ในการลงทุนครั้งแรกของเรา เพื่อเป็นการปรับปรุงสายการผลิตของโรงงาน Halol ให้ทันสมัยเพิ่มขึ้น หลังจากที่เราได้รับมอบจาก GM รวมทั้งเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตจาก 60,000 คัน เป็น 80,000 คัน/ปี ซึ่งเราเชื่อว่าจะสามารถผลิตสินค้าป้อนตลาดอินเดียได้อีก 5 ปีอย่างสบาย” กิตติศัพท์ของผู้ผลิตจากจีน SAIC นี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตที่มีโครงสร้างการผลิตที่สามารถแข่งขันกับค่ายอื่นๆ ได้อย่างเข้มแข็ง สามารถตั้งราคาจำหน่ายที่ผู้บริโภคยอมรับได้ อันจะทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดอินเดีย ที่ราคาจำหน่ายของตัวรถมีความสำคัญมาก สำหรับการเลือกซื้อรถยนต์ของผู้บริโภค “เราเชื่อว่าจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิตให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม ที่จะตั้งราคาจำหน่ายให้จูงใจผู้ซื้อได้ง่าย ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่เข้มแข็งที่สุดของยี่ห้อ MG สำหรับตลาดอินเดีย” Rajeev Chaba กล่าว พร้อมยืนยันว่า “สำหรับ SAIC รถยนต์ราคาถูกไม่ได้หมายความว่าคุณภาพจะตกต่ำลงไปตามราคา ขั้นตอนการผลิตของเรากระชับ สามารถควบคุมต้นทุนให้คงที่ได้โดยไม่ยากนัก สามารถผลิตได้ตามมาตรฐานโลก เราส่งออกรถยนต์จากการร่วมทุนกับ SAIC ไปยังเยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ดังนั้น ในแง่ต้นทุนราคาและคุณภาพของรถยนต์ของเรา เราเชื่อว่าเราอยู่ในระดับโลกได้อย่างไม่มีปัญหา” อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนให้ได้มากที่สุด SAIC วางแผนงานที่จะจัดหาผู้ผลิตชิ้นส่วนจากในประเทศอินเดีย ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนอีกมหาศาล รายงานข่าวจาก MG อินเดีย ระบุว่า รถยนต์ที่ประกอบรุ่นแรก จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศถึง 75 % และจะเพิ่มเป็น 90 % นับแต่ปี 2565 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการผลิต อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการตัดสินใจที่จะขึ้นสายการผลิตรถยนต์รุ่นใดในโรงงานแห่งใหม่นี้ แต่ได้วางแผนที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ 2 รุ่น ภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยรุ่นแรกภายในปี 2562 และรุ่นที่สอง ปี 2563 ผู้สื่อข่าวประเมินว่า รถยนต์รุ่นแรกน่าจะเป็นเอสยูวี ขนาดเล็ก เพื่อให้เป็นคู่แข่งของ Hyundai Creta และอาจตามมาด้วย เอมพีวี และแฮทช์แบค โดย Rajeev Chaba ยืนยันว่า MG อินเดีย มีสิทธิ์ในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวอินเดีย