มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท 2017 ที่ผ่านมาก บรรดาค่ายรถยนต์ต่างพากันเข็ดขยาดกับปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ดีเซล อันเนื่องมาจากกรณีของค่าย Volkswagen จงใจแจ้งค่ามลภาวะจากค่าไอเสีย ผิดพลาด ทำให้ต้องเกิดการตรวจสอบกันไปทั่วโลก ขณะที่ผู้บริโภคชาวยุโรป ซึ่งให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและมลภาวะเป็นอันดับหนึ่ง ต่างพากันเลิกซื้อหารถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลมาใช้ ทำให้ยอดขายตกต่ำอย่างมากสิ่งนี้ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ เน้นการนำรถไฟฟ้า หรือรถไฮบริด-ไฟฟ้า มาออกแสดงกันจำนวนมาก ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนอย่าง Valeo และ Delphi สบช่องในการนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาหนทางใหม่ ด้วยการใช้ระบบไฟฟ้า 48 โวลท์ เพิ่มเติม การเพิ่มระบบไฟฟ้า 48 โวลท์ สามารถกระทำได้กับรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใดๆ และมีค่ายรถยนต์ที่นำเสนอหลายค่าย อาทิ Volkswagen, PSA, Mercedes-Benz และ Volvo “วิธีคิดของเรา คือ ทางเลือกในการใช้ชุดกระแสไฟฟ้าขนาด 48 โวลท์ สำหรับรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน” Karin Thorn รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ Volvo กล่าว “หากตลาดของเครื่องยนต์ดีเซลตกลงไป ก็จำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาทดแทน” ซึ่งอันที่จริงราคาของรถเครื่องยนต์ดีเซลมือสองในยุโรปก็ต่ำมากอยู่แล้ว ความพยายามในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของ Volvo ด้วยการเพิ่มขนาดของชุดกระแสไฟฟ้าให้เป็น 48 โวลท์ จะส่งออกจำหน่ายในทุกรุ่น ภายในปี 2562 ด้วยรูปทรงที่อาจปรับปรุงบ้างเล็กน้อย เพื่อให้เห็นความแตกต่างว่าเป็นรถไฮบริด-ไฟฟ้า PSA Group ซึ่งเคยไม่เห็นความสนใจระบบไฟฟ้า 48 โวลท์ ก็กลับมาวางแผนที่จะเพิ่มรุ่นรถเครื่องยนต์เบนซิน ที่ปรับเปลี่ยนจากระบบไฟฟ้า 12 โวลท์ เดิม เพิ่มความจุมอเตอร์ในการสตาร์ท เพื่อแปลงรถเครื่องยนต์เบนซิน ให้กลายเป็นรถไฮบริด-ไฟฟ้า ในทุกรุ่นที่มีจำหน่ายเช่นกัน ในการพัฒนา มอเตอร์ที่จะช่วยแปลงแรงบิดและแรงจลน์ ที่เกิดจากการเบรค ให้เป็นกระแสไฟฟ้าส่งกลับไปยังแบทเตอรี จะมีขนาดเล็กและราคาถูกกว่ามอเตอร์ที่ใช้อยู่ในรถไฟฟ้า หรือรถไฮบริดเต็มรูปแบบ อย่าง Toyota Prius จะมีราคาราว 500 - 1,000 ยูโร ราว 19,000 - 39,000 บาท เท่านั้น จากการวิเคราะห์ ภายในปี 2563 คาดว่าเริ่มต้นจะมีรถไฮบริด ที่มีระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลท์ ในตลาดยุโรป รวมทั้งระบบ ไฮบริด-ไฟฟ้า ที่สามารถเสียบสายต่อชาร์จกระแสไฟจากภายนอกได้ และประเมินว่า ภายในปี 2568 จะมีระบบไฟ 48 โวลท์ ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ที่ออกจำหน่าย 55 % “เทคโนโลยีนี้มีความเป็นไปได้มาก และจะทำให้รถยนต์ไฮบริด มีราคาถูกลงสำหรับผู้บริโภค” Frank Welsch หัวหน้าฝ่ายพัฒนาของ Volkswagen กล่าว ขณะที่ค่าย Renault กลายเป็นหัวหอกในการใช้ระบบไฟฟ้า 48 โวลท์ ด้วยชิ้นส่วนระบบที่ผลิตโดย Continental สำหรับรุ่น Scenic และ Megane ขณะที่ Nissan และ Hyundai ต่างก็เตรียมการที่จะเพิ่มระบบไฟฟ้า 48 โวลท์ ในอนาคตเร็วๆ นี้ ข้อบังคับของสหภาพยุโรป กำหนดค่ามลภาวะจากไอเสีย ค่าคาร์บอนไดออกไซด์ ตั้งแต่ปี 2564 ลดลงเหลือเพียง 95 กรัม/กม. จากปัจจุบันที่กำหนดไว้ 130 กรัม/กม. ที่เปลี่ยนแปลงด้วยการทดสอบในห้องทดสอบ กลายเป็นต้องทำการทดสอบด้วยการใช้งานจริง ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ต้องหาทางลดค่ามลภาวะรถยนต์ของตัวเองให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งต้องมาคอยดูกันต่อไปว่า ระบบไฟฟ้า 48 โวลท์ จะช่วยได้มากขนาดไหน
บทความแนะนำ