บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮอนดา ในประเทศไทย เชิญคณะสื่อมวลชนหลากหลายแขนงเข้าร่วมรายงานข่าวในมหกรรมยานยนต์ระดับนานาชาติ “มหกรรมยานยนต์โตเกียว 2017” ครั้งที่ 45 (45th Tokyo Motor show 2017) ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นที่โตเกียว บิกไซท์ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม-5 พฤศจิกายน นี้
โดยก่อนถึงวันงานได้เปิดบ้านต้อนรับชวนคณะสื่อมวลชนสัมผัสประสบการณ์สุดเอกซ์คลูซีฟ ณ “ฮอนดา คอลเลคชัน ฮอลล์” (Honda Collection Hall) สุดยอดพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของ ฮอนดา
สำหรับพื้นที่ของอาณาจักรค่ายปีกนกแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 1998 โดยอยู่ภายในบริเวณสนามทวินริงโมเตกิ หรือสนามทดสอบเพื่อใช้ในการพัฒนายนตรกรรมของ ฮอนดา และขณะเดียวกันยังเป็นสังเวียนชิงเจ้าความเร็วที่ได้มาตรฐานระดับโลก อย่างรายการที่แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ทชาวไทยรู้จักกันดี นั่นคือ โมโท จีพี (MotoGP) ก็ใช้บริการสนามแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
ขณะที่การจัดแสดงภายใน ประกอบไปด้วยนวัตกรรมและโมเดลต่างๆ ทั้งในส่วนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมกว่า 300 คัน ที่ได้รับความนิยมและสร้างชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ทั้งในด้านคุณภาพ ยอดขาย และผลงานการคว้าชัยชนะบนเวทีการแข่งขันในศึกเวิร์ลด์ กรองด์ปรีซ์
เริ่มตั้งแต่ชั้นแรก จุดประกายความคิดสร้างสรรค์การผลิตนวัตกรรมต่างๆ ทั้งหมดเกิดขึ้นจาก “ฮอนดา โซอิชิโร” (Honda Soichiro) ผู้ก่อตั้งบริษัท ฮอนดา ที่ได้รับสมญานามให้เป็น “ชายผู้สร้างความฝันให้เป็นความจริง” ด้วยปณิธานการทำงาน มุ่งมั่นต้องการให้ทุกคนมีความสุขกับผลิตภัณฑ์ของเขา โดยเริ่มผลิตรถจักรยานติดเครื่องยนต์คันแรกของ ฮอนดา เพื่อมอบให้แก่ภรรยาของเขาเองในปี 1946
สำหรับชั้นแรกนี้ ไฮไลท์อยู่ที่ห้องจัดแสดงหุ่นยนต์ อาซิโม (Asimo) ที่เผยความสามารถแสดงอากัปกิริยาต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ และในเวอร์ชันล่าสุด สามารถแสดงพัฒนาการท่าทางได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น สามารถวิ่ง กระโดด เตะลูกบอล และสื่อสารด้วยภาษามือได้แล้ว
ทั้งนี้ คาดว่าอีกไม่นานคงได้เห็นเวอร์ชันใช้งานช่วยเหลือมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ หรือตรงตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ให้กำเนิดต้องการให้เกิดขึ้นจริงในอนาคต
ขยับมาชั้นที่ 2 เป็นวิวัฒนาการของผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย มีทั้งในส่วนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโฉมรุ่นคลาสสิคที่หาชมได้ยาก แต่ในพิพิธภัณฑ์ ฮอนดา คอลเลคชัน ฮอลล์ แห่งนี้ มีให้สัมผัสตัวเป็นๆ ครบทุกโมเดล และที่สำคัญยังได้ใกล้ชิดแบบ 360 องศา ครบทุกมุมมอง
ขณะเดียวกันหากถามถึงโมเดลที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ และเป็นต้นกำเนิดที่ผลักดันให้บแรนด์รถจักรยานยนต์ชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น ได้รับความนิยมและสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ทางเจ้าหน้าที่ให้คำตอบอย่างรวดเร็วพร้อมชี้นิ้วไปที่สุดยอดรุ่นคลาสสิคตลอดกาลอย่าง Honda Super Cub C100 ซึ่งเป็นชื่อรุ่นที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วสำหรับผู้หลงใหลสองล้อสไตล์วินเทจในเมืองไทย กับรถที่ตอบโจทย์ชัดเจนทั้งในด้านของสมรรถนะเครี่องยนต์และความประหยัดเชื้อเพลิง แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดนั้น คือ รูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งยังคงรูปแบบเดิมอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน และเหนืออื่นใดยังเพิ่มข้อมูลที่น่าทึ่งแถมให้อีกว่า เมื่อไม่นานที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์รุ่น ซูเพอร์คับ ซีรีส์ ที่เปิดตัวต้นตระกูลมาตั้งแต่ปี 1958 ได้ประกาศฉลองยอดผลิตรถจักรยานยนต์รุ่น ซูเพอร์คับ ซีรีส์ ครบ 60 ปี รวม 100 ล้านคันทั่วโลก ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกด้วย
ปิดท้ายชั้นที่ 3 พื้นที่โดยรวมถูกตกแต่งให้มีกลิ่นอายของเกมชิงเจ้าความเร็ว ผ่านการจัดแสดงเกียรติประวัติต่างๆ ในแวดวงการแข่งขัน ด้วยตัวแข่งสี่ล้อ และสองล้อ ตลอดจนผลงานการคว้าถ้วยรางวัล สร้างชื่อเสียงบนเวทีมอเตอร์สปอร์ทระดับเวิร์ลด์ กรองด์ปรีซ์ มาแล้วอย่างมากมาย
หลังการเยี่ยมชมทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการมาเยือนถึงถิ่นกำเนิดบแรนด์สองล้อชื่อก้องโลกที่ประทับใจ ได้ความรู้ และสัมผัสได้ถึงแรงบันดาลใจที่ดี จากชายผู้เชื่อมั่นในพลังแห่งความฝัน และพร้อมมุ่งมั่นที่จะทำให้เป็นความจริง อันก่อเกิดเป็นปรัชญาการทำงานของ ฮอนดา ที่ส่งต่อมาถึงปัจจุบัน “เดอะ เพาเวอร์ ออฟ ดรีม” (The Power of Dreams)