นิสสัน และกฟน. ร่วมลงนามความร่วมมือในการดำเนินการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าในที่พักอาศัย

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเพื่อดำเนินการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า สำหรับที่พักอาศัย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดตัว นิสสัน ลีฟ ในประเทศไทย ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562     ข้อตกลงนี้ได้มีการลงนามที่การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต กรุงเทพฯ โดยเน้นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน และบนท้องถนน เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่จะขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย     โดย นิสสัน และการไฟฟ้านครหลวง จะทำงานร่วมกันในด้านการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ คู่มือการใช้และบริการสำหรับระบบชาร์จ การฝึกอบรมทักษะทางเทคนิค การพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จ รวมไปถึงระบบการชำระค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน     อองตวน บาร์เธส ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นิสสัน ลีฟ ใหม่ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยและขายดีที่สุด รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของเราได้รับการพัฒนา ผลิตและจำหน่ายมาเป็นระยะเวลานานกว่ารายอื่นๆ นอกจากนั้น ลีฟ ใหม่ ยังเป็นสัญลักษณ์ของ นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิที ซึ่งออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิที เป็นวิสัยทัศน์ที่อยู่เบื้องหลังรถยนต์ นิสสัน ทุกคัน โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และไฮบริด อีกทั้งยังเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อขับเคลื่อนผู้คนทั่วโลกสู่อนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนมากขึ้น การบันทึกความเข้าใจนี้เป็นข้อตกลงที่สำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีสถานีชาร์จประจำบ้าน สำหรับลูกค้า ลีฟ ก่อนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าสู่ประเทศไทยในช่วงต้นปี 2562   ชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวว่า กฟน. จะเป้นผู้ดำเนินการให้บริการด้านระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอัดประจุไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าของ นิสสัน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นการตอบสนองต่แผนอนุรักษ์พลังงาน EEP 2015 ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภทพลัก-อิน ไฮบริด และยานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบทเตอรี รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 ถือเป็นความร่วมมือกับองค์กรภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นจริงในประเทศ   นอกจากนี้ กฟน. ยังได้จัดทำ "MEA EV Application" สำหรับการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้า การจองหัวชาร์จแบบเรียลไทม์ มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จ พร้อมควบคุมการชาร์จผ่านรีโมทด้วยแอพพลิเคชั่นได้อีกด้วย