เรื่องน่ารู้
เปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับ Mazda CX-5
Mazda Passion Drive to the New Horizon การเดินทางในกลุ่มประเทศ “สแกนดิเนเวีย” ชื่อที่เรียกขานดินแดน 4 ประเทศของยุโรปเหนือ เป็นดินแดนประวัติศาสตร์และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ร่วมกัน โดยมีแหลมสแกนดิเนเวียเป็นแกนกลาง ดินแดนนี้ คือ ที่ตั้งของประเทศเดนมาร์ค ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน เพื่อต่อยอดจากการเดินทางของ Mazda ครั้งก่อน ที่ขับ CX-3 และ CX-5 (รุ่นก่อน) จากประเทศมองโกเลีย ผ่านไซบีเรีย ไปถึงกรุงมอสโกว์ ประเทศรัสเซีย
เช่นเคยด้วยระยะทางที่ยาวกว่า 6,500 กม. จึงต้องแบ่งสื่อมวลชนกว่า 60 ชีวิตที่ร่วมเปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับ Mazda ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม A และ B
16 กันยายน 2561 เริ่มการเดินทาง กลุ่ม A รวมตัวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเตรียมพร้อมและออกเดินทางในเวลา 01.20 น. ของวันที่ 17 กันยายน 2561 บินไปยังท่าอากาศยานโคเปนเฮเกนกาสทรัป (Københavns Lufthavn, Kastrup) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินโคเปนเฮเกน” เป็นสนามบินหลักของกรุงโคเปนเฮเกน (Copenhagen) และประเทศราชอาณาจักรเดนมาร์ค (Denmark) โดย TG950 ใช้เวลาบนเครื่องบินประมาณ 11 ชม.
หลังจากผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง สมาชิกกลุ่ม A ก็พร้อมสำหรับการเดินทางตามล่าแสงเหนือบนดินแดนขั้วโลกเหนือ
รถที่ใช้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ คือ Mazda CX-5 2.2 Optimun AWD จากประเทศเดนมาร์ค จำนวน 9 คัน แทนรถรุ่น Mazda CX-5 2.2 XDL AWD จากประเทศไทย ซึ่งติดปัญหาเรือขนส่งโดนพายุ มาไม่ทันตามกำหนดเวลาการเดินทาง
ทั้ง 2 รุ่น ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน คือ เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ลิตร 175 แรงม้า ที่ 4,500 รตน. แรงบิด 42.8 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. เกียรอัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV-DRIVE ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD ล้อขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55/19 เหมือนกัน ต่างกันตรงพวงมาลัยซ้าย และรายละเอียด เช่น ไม่มีหลังคาซันรูฟ แต่เพิ่มอุปกรณ์จำเป็นสำหรับรถในอุณหภูมิติดลบ เช่น ที่ฉีดล้างไฟหน้า ไฟตัดหมอกหลัง ระบบพับกระจกมองข้างอัตโนมัติ เมื่อลอครถ ระบบละลายฝ้าที่กระจกมองข้าง กระจกกรองแสงสีเข้มบานหลังซ้าย/ขวาและบานท้าย ระบบอุ่นพวงมาลัย ระบบอุ่นเบาะนั่งทั้งหน้า/หลัง ระบบละลายน้ำแข็งบริเวณที่ปัดน้ำฝนหน้า รวมถึง เสริมระบบตรวจับคนเดินถนนในระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (SCBS: Smart City Brake Support) และระบบช่วยหยุดและออกตัวอัตโนมัติในระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (MRCC: Mazda Radar Cruise Control) ระบบเตือนแรงดันลมยาง (TPMS: Tire Pressure Monitoring System)
ขึ้นรถด้านซ้ายปรับตัวนิดหน่อยกับการขับรถชิดขอบทางด้านซ้าย ก่อนจะขับรถออกจากลานจอดใต้ดิน ออกจากสนามบินโคเปนเฮเกน (เดนมาร์ค) เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหลัก และลอดอุโมงค์ใต้ทะเล ถึงปลายอุโมงค์ก็ข้ามประเทศไปแล้ว เข้าด่านตรวจสอบหนังสือเดินทางประเทศสวีเดน
ความเร็วในการเดินทางส่วนใหญ่ ทางหลวงจะใช้ความเร็ว 100-120 กม./ชม. แต่ถ้าเป็นเส้นทางชนบทมีรถสวนทาง ไป 1 มา 1 ผ่านเขตชุมชนก็จะลดลงมา 80 กม./ชม. ทางแยก 60 กม./ชม. เข้าเมือง 50 กม./ชม. และในเมืองเหลือเพียง 40 กม./ชม.
แวะทานอาหารมือแรกแบบง่ายๆ ในปั๊มน้ำมันริมทาง ก็เห็นป้ายบอกราคาน้ำมัน ดูจากป้ายราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 6.16 คโรนเดนมาร์ค (DKK: Danish Kroner) คิดคโรนเป็นบาท ในอัตราคโรนละ 5 บาท ก็เท่ากับลิตรละ 30.80 บาท
ผ่านไปครึ่งทางของวันประมาณ 300 กม. ก็แวะทานอาหารเที่ยง ซึ่งเป็นอาหารไทยในต่างแดน ที่ร้าน Jungle thai restuarant เมืองเยินเชอปิง (Jonkoping) N57.78219 E 14.16139
ออกจากสนามบินโคเปนเฮเกน (เดนมาร์ค) มาถึงสตอคโฮล์ม (Stockholm) ประเทศสวีเดน ระยะทางวันแรกประมาณ 660 กม.
เชคอินเข้าพักโรงแรม Mornington Hotel Stockholm City
เที่ยวชมเมืองสตอคโฮล์ม
สตอคโฮล์ม เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของสวีเดน ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลทิศตะวันออกของประเทศสวีเดน มีประชากรในเขตเทศบาลสตอคโฮล์มประมาณ 1 ล้านคน แต่ถ้านับเขตที่อยู่อาศัยโดยรอบทั้งหมดจะมีประชากรประมาณ 2.2 ล้านคน เมืองนี้ได้รับขนานนามว่า ความงามบนผิวน้ำ (Beauty on Water) หรือราชินีแห่งทะเลบอลติค ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อย 14 เกาะ ที่โอบล้อมด้วยทะเลบอลติค (Baltic Sea) ทะเลสาบมาลาเรน (Lake Malaren) ทำให้สตอคโฮล์มเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมืองหลวงที่สวยงามแห่งนี้ มีโรงละครแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล ทัศนียภาพแสนสวยบนเนินเขา พิพิธภัณฑ์วาซา (Vasa Museum) เรือรบโบราณที่จมระหว่างการออกทะเลเมื่อปี 1628 และจมอยู่ใต้ทะเลนาน 333 ปี
ยุโรปเหนือ เป็นดินแดนประวัติศาสตร์และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ร่วมกัน โดยมีแหลมสแกนดิเนเวียเป็นแกนกลาง ดินแดนนี้ คือ ที่ตั้งของประเทศเดนมาร์ค ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน ซึ่งมีพื้นที่รวมกัน 1,155,000 ตารางกิโลเมตร โดยมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมดตั้งอยู่แถบขั้วโลกเหนือ
ภายใต้ความหลากหลายของภูมิประเทศที่น่าประทับใจของดินแดนแห่งนี้ มีความคล้ายคลึงกันทั้งด้านทิวทัศน์และภูมิอากาศอีกทั้งยังมีประวิติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เหมือนกันและสืบเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
ความคล้ายคลึงกันของวัฒนธรรมนี้ได้ช่วยหล่อหลอมให้ผู้คนในดินแดนแห่งนี้ดำเนินชีวิตในรูปแบบที่เหมือนกัน นั่นคือ ชีวิตตามแบบฉบับสแกนดิเนเวียมีชีวิตที่โชกโชนกับการต่อสู้ดิ้นรนกับอดีตที่ผ่านมา ซึ่งชาวสแกนดิเนเวียไม่ว่าจะเป็นชาวเดนมาร์คผู้รักความเงียบขรึมและเก็บตัว ต่างก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นชาวสแกนดิเนเวียเท่าเทียมกัน
ชาวสแกนดิเนเวียเป็นผู้ที่ชื่นชอบและรักความงามของธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเขาจะเก็บความรู้สึกเช่นนี้สะท้อนออกมาในความสมบูรณ์แบบของศิลปะและลวดลายของสแกนดิเนเวีย พวกเขาไม่เคยเบื่อในการแสวงหาความสงบร่มรื่นของธรรมชาติและชอบใช้ชีวิตอยู่อย่างชาวบ้านธรรมดาในกระท่อมฤดูร้อน หรือ ตามเนินทรายธรรมชาติที่ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม หรือฝั่งไกลโพ้นของทะเลสาบในประเทศฟินแลนด์ สแกนดิเนเวีย มีประชากรอาศัยอยู่เบาบางมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป คือ มีอัตราประชากรโดยเฉลี่ย 15 คน/พื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศมีเทือกเขาที่ทอดยาวตลอดระหว่างประเทศนอร์เวย์ และสวีเดน เปรียบดั่งเช่นกระดูกสันหลังของแหลมสแกนดิเนเวีย อีกทั้งยังมีที่ราบสูงและยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,500 ม.
เดินชมเมืองจนเหนื่อย.. ถึงเวลารับทานอาหารกลางวัน บนถนนแห่งนี้ มีร้านอาหารไทย ชื่อ Siam พร้อมเบียร์ไทยให้ได้ดื่ม
เชคเอาท์จากโรงแรม มุ่งหน้าสู่ท่าเรือ 16.30 น. ขึ้นเรือเฟอร์รี Mariella ของ Viking Line จากสตอคโฮล์ม มุ่งหน้าสู่ เฮลซิงกิ (Helsinki) ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งในรถที่จะลงเรือทุกคันจะห้อยบัตรตัวอักษรไว้ให้เห็นชัดเจน รถกลุ่มของเราเป็นตัวอักษร H ที่หมายถึง Helsinki
บรรยากาศยามเย็นบนดาดฟ้าเรือเฟอร์รี หลังออกมาจากท่าเรือได้ไม่นาน
ระยะทางประมาณ 400 กม. เรือใช้เวลาเดินทางประมาณ 18 ชม. เท่ากับว่าเราต้องนอนกันบนเรือ 1 คืน ซึ่งบนเรือนอกจากจะมีห้องพักแบบมีห้องน้ำในตัวแล้ว แต่ละห้องยังสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 4 คน พร้อมห้องอาหารขนาดใหญ่ กับการบริการอาหารและเครื่องดื่มแบบจัดหนักในมือค่ำเป็น 2 รอบ รวมทั้งเบียร์ และไวน์
ห้องเล็กๆ แต่ก็เพียงพอกับครอบครัว 4 คน
บนเรือมีถึง 8 ชั้น จอดรถ ชั้น 2 และ 3 ห้องนอน ชั้น 4 และ 5 ร้านค้า ชั้น 6 ห้องอาหาร ชั้น 7 เหมือนโรงแรมลอยน้ำ
ช่วงเช้าห้องอาหารเปิดบริการต้ังแต่ 7.00 น. และแบ่งเป็น 2 รอบเหมือนอาหารค่ำ แต่ไม่มีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล
10.10 น. เรือเทียบท่า เฮลซิงกิ
ใน เฮลซิงกิ (Helsinki) ประเทศฟินแลนด์ สิ่งที่พบเห็นจนชินตาของเมืองใหญ่ๆ ก็หนีไม่พ้นรถรางหลากหลายสี แบ่งตามเส้นทาง ซึ่งการขับขี่ในเมืองนอกจากต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. แล้วต้องคอยระวังไม่ไปหยุดรถบนรางหรือขวางทางรถราง
เที่ยวชมเมืองเฮลซิงกิ ถึงหน้าสนามกีฬาโอลิมปิค Olympic Stadium (N 60.18466° E 24.92752°) รูปปั้นนักกีฬา เจ้าของ 5 เหรียญทองโอลิมปิค
Sibelius Monument (N 60.18205° E 24.91350°)
รับประทานอาหารกลางวัน ร้าน Helsinki Doi Thai Restaurant (N 60.17117° E 24.95851°)
ระหว่างทาง มีสะพานแขวนแบบนี้หลายแห่ง
โรงแรม Kylpyhotelli Spa Hotel Rauhalahti
รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Pad Thai Baan Naa ร้านยอดนิยมของเมือง Oulu (N 65.01317° E 25.46950°)
ที่จอดรถใต้ดินกว้างใหญ่เพียงพอรับรถได้เป็นหลายพันคัน ครอบคลุมพื้นที่ย่านธุรกิจของเมืองนี้ รวมทั้งห้างสรรพสินค้า
ก่อนเข้าที่พัก ทีมงานนำทางคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชม สัญญาลักษณ์ เส้นขั่วโลก ที่ Santa Cause Village-Rovaniemie (N 66.54368° E 25.84480°)
โรงแรมที่พัก Hotel Scandic Rovaniemi
(N 66.50299° E 25.72715°)
บรรยากาศช่วงเช้าย่านธุรกิจ วันที่ 20 กันยายน ใกล้ๆโรงแรม Hotel Scandic Rovaniemi
ป้ายแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศ
เชคอินเข้าพักโรงแรม Hotel Scandic Honnigsvag
รับประทานอาหารเย็นร่วมกับสื่อมวลชนกลุ่ม B
22.00 น. ออกจากโรงแรมโดยรถบัส มุ่งหน้าสู่ North Cape
แสงเหนืออาจจะไม่สว่างชัดเจนเท่ากับช่วงฤดูร้อน แต่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
เรื่องที่น่าประทับใจมากที่สุด สำหรับทริพล่าแสงเหนือ ก็คือ การที่ได้มีโอกาสเข้าชมห้องนิทรรศการเกี่ยวกับการเสด็จประพาส North Cape ของในหลวงรัชกาลที่ ๕
Hotel Scandic Honnigsvag
หลังจากส่งต่อไม้ให้กับกลุ่ม B ก็ถึงเวลาโบกมือลากลับบ้านแล้ว สำหรับกลุ่ม A เชคเอาท์ ออกเดินทางจาก Hotel Scandic Honnigsvag กลับไป อัลตา (Alta) แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านพิซซา ซึ่งในระหว่างรอเวลาเชคอิน กลุ่ม B ก็ตามมาสมทบ
ถึงเวลาแยกย้าย กลุ่ม A เดินทางไปที่สนามบินอัลตา
บินจากอัลตา มาลงสนามบิน ทรอมโซ (Tromso) เพื่อเปลี่ยนเครื่องลำใหญ่ ใช้เวลาอีก 40 นาที
บินจากสนามบินทรอมโซ มาลงสนามบิน ออสโล (Oslo) ใช้เวลาอีก 3 ชม.
เชคอินเข้าพักโรงแรม Comfort Hotel Grand Central ออสโล
เที่ยวชมเมืองออสโล ก่อนจะเชคเอาท์ออกจากโรงแรม มุ่งหน้าสนามบินออสโล ปิดท้ายทริพ "ล่าแสงเหนือ"
เรื่องโดย : thanasan saowamol
คอลัมน์ Online : เรื่องน่ารู้
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/242915