ธุรกิจ
มิเชอแลง และมาร์ค มาร์เกซ ทะยานฝ่าสภาพอากาศร้อนอบอ้าว คว้าแชมพ์ MotoGP ครั้งแรกในไทย
มิเชอแลง และทีมปฏิบัติการประจำพื้นที่ของแต่ละทีมแข่งต้องเผชิญกับสภาพสนามแข่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนในการแข่งขัน PTT Thailand Grand Prix ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งต้องผจญกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุ ซึ่งส่งผลต่อสภาพพื้นสนามแข่งอย่างมาก
มิเชอแลง ได้มีโอกาสเยือนสนามแข่งระยะทาง 4,554 เมตรของไทยแห่งนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อทำการทดสอบรถแข่งก่อนเปิดฤดูกาลแข่งขัน ในเวลานั้นอุณหภูมิสนามแข่งอยู่ที่ 49 องศาเซลเซียส แต่ในวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแข่งขันจริง อุณหภูมิกลับพุ่งสูงถึง 56 องศาเซลเซียส โดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเนื่องจากตามปกติช่วงเวลานี้ของปีเป็นช่วงฤดูมรสุมของไทยที่อุณหภูมิมักจะลดต่ำลง มิเชอแลง ได้เลือกประเภทยางสำหรับใช้ในสนามแข่งเอาไว้ก่อนฤดูกาลแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น ภายใต้แนวความคิดดังกล่าว และตามกฎระเบียบที่กำหนด โดยเชื่อว่าจะเหมาะกับสนามแข่งแห่งนี้
เมื่ออุณหภูมิสนามแข่งสูง ศักยภาพของยางในการยึดเกาะพื้นสนามแข่งจะอยู่ในระดับต่ำมาก ส่งผลให้เกิดอาการล้อหมุนฟรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของ มิเชอแลง จึงแนะนำให้บรรดานักบิดเลือกใช้ยาง มิเชอแลง เพาเวอร์ สลิค (Michelin Power Slick) แบบเนื้อยางแข็ง (Hard) เป็นยางล้อหลัง ซึ่งนักบิดส่วนใหญ่เลือกใช้ยางรุ่นนี้ตามคำแนะนำ ยกเว้นแต่ อเลกซ์ เอสปาร์กาโร นักบิดทีม Aprilia Racing Team Gresini ที่เลือกใช้ยางเนื้อนิ่ม (Soft) นอกจากนี้ มีนักบิดจำนวนไม่มากนักที่เลือกใช้ยางเนื้อแข็งปานกลาง (Medium) เป็นยางล้อหน้า ขณะที่นักบิดส่วนใหญ่ที่เหลือเลือกใช้ยางเนื้อแข็ง ทั้งนี้ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งมีการแข่งขันทั้งหมด 26 รอบสนาม มีการเลือกใช้เนื้อยางรวมทั้งสิ้น 4 ประเภท จากทั้งหมด 6 ประเภท
มาร์ค มาร์เกซ จากทีม Repsol Honda Team ได้ออกตัวจากตำแหน่งหัวแถว หรือ Pole Position ในช่วงบ่ายของวัน และทะยานขึ้นเป็นผู้นำฝูงหลังผ่านการแข่งขันรอบแรก โดยครองตำแหน่งผู้นำในช่วง 4 รอบแรกของการแข่งขัน ก่อนที่ วาเลนตีโน รอสซี นักบิดทีม Movistar Yamaha MotoGP จะเบียดแซงขึ้นมาเป็นผู้นำ และรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ถึง 6 รอบสนาม จากนั้น อันดเรอา โดวิซีโอโซ นักบิด Ducati Team ได้จังหวะเบียดแซงขึ้นมาเป็นผู้นำ และพยายามรักษาระยะห่างด้วยการทำเวลาต่อรอบที่เร็วและควบคุมการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้น มาร์เกซ ก็ไล่จี้ขึ้นมา และขับเคี่ยวกันอย่างสูสี ผลัดกันนำผลัดกันแซงในช่วง 2-3 รอบสุดท้ายให้ลุ้นระทึกอย่างน่าตื่นเต้น ก่อนที่ มาร์เกซ จะเบียดแซงหน้าในโค้งสุดท้ายจนคว้าแชมพ์ได้สำเร็จ โดยเฉือนเอาชนะ โดวิซีโอโซ ไปเพียง 0.115 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ มาเวอริค บีญาเลส นักบิดทีม Movistar Yamaha MotoGP ทำให้ตำแหน่ง 3 อันดับแรกเป็นของค่ายรถต่างกัน 3 ค่าย ด้าน รอสซี คว้าอันดับ 4 ตามมาด้วย โยฮันน์ ซาร์โก จากทีม Monster Yamaha Tech 3 ในอันดับที่ 5 โดยเป็นนักบิดจากทีมอิสระคนแรกที่เข้าเส้นชัย (First Independent Rider), อเล็กซ์ รินส์ (Alex Rins) จาก Team Suzuki Ecstar) อันดับ 6, คาล ครัทช์โลว์ จากทีม LCR Honda ปาดแซงหน้านักบิดที่ทำเวลาเร็วประจำสนาม อัลวาโร เบาติสตา จากทีม Angel Nieto Team ขึ้นครองอันดับ 7 ในขณะที่ ดานิโล เปตรุซซี จากทีม Alma Pramac Racing เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 9 ตามมาด้วย แจค มิลเลอร์ นักบิดเพื่อนร่วมทีม ที่ปิดท้ายติดอันดับ 1 ใน 10 คนแรกที่เข้าเส้นชัย
ยางมิเชอแลง ที่คัดสรรมาเป็นตัวเลือกสำหรับใช้เป็นยางล้อหลังในการแข่งขันครั้งนี้ ได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะ โดยยางล้อหน้าและหลังที่มีให้เลือกทั้ง 7 แบบ ซึ่งครอบคลุมยางล้อหลังเนื้อแข็งปานกลาง 2 แบบ ล้วนผ่านการทดลองและทดสอบโดยนักบิดส่วนใหญ่แล้ว แต่ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัดมาก การเลือกใช้ยางเนื้อแข็งเป็นยางล้อหลังถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สอดคล้องกับคำแนะนำที่ มิเชอแลง ให้กับบรรดานักบิด และทีมแข่ง การตัดสินใจครั้งนี้ก่อให้เกิดการประลองความเร็วที่น่าตื่นเต้นเร้าใจต่อหน้าผู้ชมจำนวน 100,245 คน ซึ่งอัดแน่นเต็มอัฒจันทร์ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคัก
หลังจากนี้ มิเชอแลง และทีมปฏิบัติงานประจำพื้นที่เก็บรถข้างสนามของทีมแข่งในการแข่งขัน MotoGP ครั้งนี้จะกลับประเทศที่เป็นฐานประจำการของตนเอง ก่อนออกเดินทางอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระยะเวลา 3 สัปดาห์ในทวีปเอเชีย ที่ประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ประเดิมด้วยรายการ Japanese Grand Prix ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม ศกนี้
มาร์ค มาเกซ
นักบิดทีม Repsol Honda
“วันนี้เป็นวันที่เยี่ยมยอดมาก การแข่งขันครั้งนี้ทำให้ทีมเรามีข้อได้เปรียบมากขึ้น โดยจะมีโอกาสทำคะแนนสะสมตีตื้นขึ้นมาเป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับการแข่งขันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เราทำงานกันหนักมากท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนจัดและสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก อีกทั้งสภาพสนามแข่งยังหฤโหดมาก มิเชอแลง ได้นำเสนอยางล้อหลังหลายแบบไว้เป็นทางเลือก และได้ปรับวิธีการติดตั้งยางให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของการแข่งขัน เพื่อช่วยให้นักบิดทำผลงานได้ดีท่ามกลางสภาพแวดล้อมสุดหฤโหดนี้และเพื่อให้ยางทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดการแข่งขัน ทุกคนพยายามป้องกันปัญหาล่วงหน้าเพราะคาดว่าศักยภาพยางจะลดลงในช่วงท้ายๆ เนื่องจากยางต้องวิ่งบนสนามแข่งซึ่งบางช่วงเวลามีอุณหภูมิสูงเกือบ 60 องศาเซลเซียส ผมมีความปลาบปลื้มยินดีในชัยชนะครั้งนี้อย่างยิ่ง และจะสู้ให้เต็มที่เพื่อครองตำแหน่งบนโพเดียม ณ สนามแข่งในประเทศญี่ปุ่น”
ปิเอโร ทารามัสโซ
ผู้จัดการฝ่ายมอเตอร์สปอร์ท กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ 2 ล้อ ของ มิเชอแลง
“การแข่งขันสัปดาห์นี้มีข้อเรียกร้องสูง และสถานการณ์ที่ซับซ้อนมาก ยางต้องรับความเค้นสูงจากอุณหภูมิที่ร้อนจัด ตอนที่เรามาทดสอบสนาม เราได้รับข้อมูลว่าในช่วงการแข่งจริง อุณหภูมิจะเย็นลงและอาจมีฝน เราจึงจัดยางตัวเลือกไว้สำหรับรองรับสถานการณ์ดังกล่าว แต่กลับกลายเป็นว่าสภาพแวดล้อมตรงข้ามกับที่คิดไว้เลย บรรดานักบิดได้ทดลองยางแบบต่างๆ ในช่วงขับทดสอบ โดยเราได้วิเคราะห์ศักยภาพและความทนทานของเนื้อยางทุกแบบ ก่อนจะให้คำแนะนำเรื่องการเลือกยางที่เหมาะสมแก่นักบิดและทีมแข่งเช่นที่ทำก่อนการแข่งขันทุกครั้ง การแนะนำให้ใช้ยางเนื้อแข็งเป็นยางล้อหลังพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง ส่งผลให้การแข่งขันเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยศักยภาพการทำเวลาต่อรอบที่สม่ำเสมอ ทั้งยังมีการขับเคี่ยวกันอย่างสูสีระหว่าง มาร์ค กับอันดเรอา ในช่วงท้ายของการแข่งขันให้ได้ลุ้นระทึก ศักยภาพการทำงานของยางเป็นไปด้วยดีตลอดการแข่งขันแม้ต้องเผชิญกับความร้อนสูงและถูกใช้งานอย่างหนักบนสนามแข่ง เราพอใจกับศักยภาพโดยรวม การตัดสินใจเลือกยางก่อนล่วงหน้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะการเลือกให้เหมาะกับสนามแข่งที่เราไม่เคยลงแข่งมาก่อน แต่ด้วยข้อมูลที่ได้ในปีนี้ เราจะมีความพร้อมมากขึ้นในการเลือกยางที่เหมาะสำหรับสนามแข่งที่บุรีรัมย์ก่อนเริ่มการแข่งขันฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน
ผมขอแสดงความยินดีกับผู้จัดการแข่งขันสำหรับความสำเร็จในการจัดงาน เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ผู้คนอัธยาศัยดี และบรรยากาศในวันนี้ก็น่าประทับใจ เราตั้งตารอที่จะกลับมาแข่งที่นี่อีกครั้งในปีหน้า
ท้ายที่สุดนี้ ผมขอขอบคุณนักบิดทุกคน และทีมแข่งทุกทีมที่รับฟังคำแนะนำจากเรา และนำไปใช้อย่างเหมาะสมทำให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นประสบการณ์เชิงบวกที่เยี่ยมยอด”
รอสส์ ชีลด์ส
ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ 2 ล้อ ประจำภูมิภาคเอเชียของ มิเชอแลง
“การเข้าร่วมสนับสนุน MotoGP เป็นการตอกย้ำจุดยืนของ มิเชอแลง ในการทุ่มเทพัฒนายางรถจักรยานยนต์ประสิทธิภาพสูงเพื่อทุกสภาพการขับขี่ โดยมุ่งนำเทคโนโลยีจากสนามแข่งมาสู่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ในประเทศไทย ตลาดยางรถจักรยานยนต์มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 5 โดยยาง มิเชอแลง ครองความเป็นหนึ่งในฐานะยางสมรรถนะสูง มีประสิทธิภาพในการต้านทานการบาดตำ ให้ความปลอดภัย และคุ้มค่าสมราคา การเปิดโรงงานผลิตยางรถจักรยานยนต์ที่พระประแดง ไม่เพียงช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำตลาดภายในประเทศ แต่ยังทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตยางรถจักรยานยนต์ภายใต้บแรนด์ มิเชอแลง 1 ใน 4 แห่งของโลก เพื่อวางจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งเพื่อป้อนโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำ อาทิ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน, บีเอมดับเบิลยู, ดูกาตี และฮอนดา
จากนี้ไปเราจะเร่งทำตลาดยางรถจักรยานยนต์ในไทยให้มากขึ้นด้วยจุดยืนในการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยไม่เพียงจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไป และผู้ใช้รถจักรยานยนต์แบบบิกไบค์ แต่จะส่งเสริมให้ตัวแทนจำหน่ายเร่งพัฒนาเครือข่ายจัดจำหน่ายของตนให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมทั้งรุกผนึกกำลังกับตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในไทยสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานยนต์ของเราได้ง่ายขึ้นทั่วประเทศ”
ABOUT THE AUTHOR
ส
สุดาภรณ์ ไกรแก้ว
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตคอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)