สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. มีมติให้ปรับเพิ่มความเร็วรถบนทางด่วนพิเศษ จากเดิม 80-90 กม./ชม. เป็น 100-110 กม./ชม. เพื่อให้ทันกับยุคสมัย หลังใช้มานานเกือบ 40 ปีเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการแก้ไขกฎหมายจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พลตต. เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการการศึกษา (รอง ผบช.ศ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขอัตราความเร็วรถในเส้นทางระหว่างเมือง และบนทางด่วน โดยล่าสุดได้เห็นชอบแล้ว และกำลังจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายจราจรดังต่อไปนี้ "ปรับเพิ่มความเร็วรถในเส้นทางระหว่างเมือง" จากเดิมกำหนดให้วิ่งได้ 90 กม./ชม. กฎหมายใหม่จะสามารถวิ่งได้ถึง 100-110 กม./ชม. "ปรับเพิ่มความเร็วบนทางด่วนพิเศษทุกเส้นทาง" จากเดิมกำหนดไว้ที่ 80 กม./ชม. กฎหมายใหม่จะสามารถวิ่งได้ 100-110 กม./ชม. ยกเว้นทางด่วนมอเตอร์เวย์ (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) เพราะทางด่วนนี้สามารถใช้ความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. อยู่แล้ว ส่วนถนนปกติบนพื้นราบในเขตกรุงเทพฯ "ยังไม่มีการปรับเพิ่มความเร็วแต่อย่างใด" ยังคงใช้ความเร็วเดิมปกติตามกฎหมาย กลับกันในบางพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง อาจพิจารณาลดอัตราความเร็วในบางจุด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยรายละเอียดต้องศึกษาความเหมาะสมและนำมาพิจารณากันอีกครั้ง แล้วเสนอให้ผู้บัญชาการ สตช. เห็นชอบ และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนการแก้ไขกฎหมายต่อไป ความเร็วตามกฎหมายจราจรที่เราใช้กันอยู่นั้น ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2522 หรือเกือบ 40 ปีมาแล้ว ซึ่งกฎหมายระบุความเร็วรถในเขตเทศบาลไว้ ให้สามารถวิ่งได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. และเส้นทางระหว่างเมือง และทางด่วนพิเศษ สามารถวิ่งได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. สำหรับความเร็วบนทางด่วนพิเศษสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ นั้น ตามกฎหมายยังไม่มีการระบุไว้ จึงต้องใช้ตามกฎหมายข้อกำหนดในเขตเทศบาล และเส้นทางระหว่างเมืองแทน แต่เนื่องจากปัจจุบัน สภาพแวดล้อมต่างๆ ได้เปลี่ยนไป จึงจำเป็นต้องพิจารณาปรับความเร็วให้สอดคล้องกับสภาพถนน และรถยนต์ในปัจุบัน จึงสมควรปรับความเร็วบนทางด่วนดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อัตราความเร็วที่กำหนดขึ้นใหม่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเห็นชอบ และขั้นตอนทางกฎหมาย ดังนั้นใครที่ใช้รถใช้ถนนบนเส้นทางระหว่างเมือง และบนทางด่วนพิเศษสายต่างๆ ยังคงต้องใช้ความเร็วเดิมตามปกติไปก่อน หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย
บทความแนะนำ