Mini เตรียมแนะนำรถไฟฟ้าที่ออกจากสายการผลิตอย่างเป็นทางการ ภายในปีนี้ หลังจากส่ง Mini E ออกมาให้เช่าใช้ ราว 500 คัน นับแต่ปี 2551 พร้อมส่งภาพยนตร์โฆษณาเป็นทีเซอร์ชุดแรก ด้วยการใช้รถไฟฟ้า Mini Cooper SE ลากเครื่องบิน Boeing 777 F ที่สามารถลากให้เครื่องบินเคลื่อนที่ในลานจอดได้อย่างยอดเยี่ยมBMW Group แนะนำว่าภาพยนตร์โฆษณานี้ เพื่อแสดงถึงพละกำลังของรถไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กว่าสามารถกระทำได้ พร้อมเตรียมแผนงานภาพยนตร์โฆษณาสำหรับรถไฟฟ้าในแบบสนุกสนานเรื่องต่อไป Mini Cooper SE จะใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแบทเตอรี เช่นเดียวกับรุ่น BMW i3 S ซึ่งขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ใน Mini จะเปลี่ยนเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้า รูปร่างภายนอกจะเป็นในแบบเดียวกับ Mini Cooper S แต่เพิ่มโลโก E ที่กระจังหน้า พร้อมเสริมด้วยไฟเรืองแสงหลังตัวอักษร เพื่อให้แตกต่างจากรุ่นปกติ คาดหมายกันว่า BMW จะนำ Mini พลังไฟฟ้า ออกแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท 2019 เดือนกันยายน นี้ ก่อนจะแนะนำสู่ตลาดต้นปีหน้า Mini ระบุว่า รถไฟฟ้าคันที่ออกขายจริง จะเป็นรูปแบบในแนวทางเดิม โดยมีความแตกต่างจากรุ่นปกติ เพียงกระจังหน้า และล้ออัลลอย เท่านั้น พร้อมทั้งจุดชาร์จ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งเดียวกับฝาปิดเติมน้ำมันในรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน สำหรับรถไฟฟ้า แรงบิดที่ได้จากมอเตอร์ ได้มาแบบคงที่ ซึ่งช่วยให้การยึดเกาะกระชับขึ้น รวมทั้งการจัดวางชุดแบทเตอรีเอาไว้ในตำแหน่งต่ำ ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ลดอาการเหิน และล้อคู่หน้า ยึดเกาะดีขึ้น วิศวกร ยังปรับปรุงแรงเฉื่อยจากการเบรค ให้สามารถกลับไปรีชาร์จชุดแบทเตอรีได้ทันทีที่ผู้ขับขี่ ยกเท้าออกจากคันเร่ง และสามารถเดินทางในสภาพการจราจรภายในเมือง โดยไม่ต้องแตะเบรคได้อย่างสบาย เพียงบังคับคันเร่งเท่านั้น ระยะทางที่รถไฟฟ้า Mini สามารถเดินทางได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำได้เพียง 195 กม. เท่านั้น โดยประเมินว่า ราคาน่าจะอยู่ในราว 29,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1,160,000 บาท