Mercedes-Benz ยังคงรุกหนักตลาดเอสยูวีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยอดขายของ Mercedes-Benz เกือบทั้งหมดในปี 2561 นั้นมาจากรถเอสยูวี ถึง 1 ใน 3 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆล่าสุด Mercedes-Benz ได้เปิดตัวรุ่น GLB โดยเป็นการนำรุ่น GLA รถครอสส์โอเวอร์ยอดนิยมมาขยายให้ใหญ่ขึ้น พร้อมชูจุดเด่นที่ห้องโดยสารที่มีเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ตัวรถสร้างขึ้นบนพื้นฐาน Global Compact Car เช่นเดียวกับ A-Class, B-Class, CLA และ GLA รูปลักษณ์ภายนอก กระจังหน้ายังคงเป็นเส้นแนวนอน 2 เส้น พร้อมทำช่องมาให้เส้นละ 6 ช่อง ไฟหน้า LED ทรงเหลี่ยม กันชนหน้ามาพร้อมกับช่องดักลมที่มีการตกแต่งสีเงินบริเวณด้านล่าง ไฟตัดหมอกหน้า LED ที่ตัวกรอบเป็นแบบทรงเหลี่ยม ด้านข้างเสริมด้วยคิ้วโครเมียมบริเวณรอบๆ ด้านหลังยังคงมีไฟท้ายแบบ LED ที่มีเส้นสายเป็นเอกลักษณ์ Light Guiding กันชนหลังที่ตกแต่งด้านล่างด้วยสีดำ/เงิน พร้อมท่อไอเสียแบบเหลี่ยม ขนาดตัวถังมีความยาว 4,634 มม. ความกว้าง 1,834 มม. ความสูง 1,658 มม. และความยาวฐานล้อ 2,829 มม. ภายในมีการตกแต่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของ Mercedes-Benz โทนสีภายในเป็นสีดำ พร้อมเบาะนั่งสีน้ำตาล คอนโซลหน้าเสริมด้วยลายไม้ หรือแบบสีดำล้วน และลายคาร์บอนในรุ่นตกแต่งพิเศษ ในทุกรุ่นจะมีช่องแอร์ทำจากอลูมิเนียมพร้อมไฟเรืองแสง Ambient Light มาตรวัดและจอ Infotainment มีขนาดใหญ่ถึง 7 นิ้ว (สามารถอัพเกรดได้ใหญ่สุดถึง 10.25 นิ้ว) สำหรับมาตรวัดยังมีการเสริมให้ฉายขึ้นบนกระจกแบบจอสีอีกด้วย (Head-Up Display) สำหรับชุดเครื่องเสียงมีฟังค์ชันต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับการสั่งงานด้วยเสียงโดยการพูดว่า Hey, Mercedes รองรับระบบนำทาง Navigator และชุดเครื่องเสียงแบบ Burmester เบาะนั่งมีให้เลือกทั้งแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับได้ในอัตราส่วน 40:20:40 เบาะหลังสามารถเอนได้ และเลื่อนได้ยาวถึง 6 นิ้ว (โดยเบาะสามารถเลื่อนได้ในอัตราส่วน 60:40) ส่วนที่นั่งแถว 3 มีการเสริมฟังค์ชันพิเศษ อาทิ ติดตั้งที่วางแก้วระหว่างเบาะนั่ง, ช่อง USB-C สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ ม่านถุงลมนิรภัยที่ยาวไปถึงเบาะนั่งแถวที่ 3 พร้อมจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX Mercedes-Benz GLB จะมาพร้อมกับ 5 รุ่นย่อย ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน GLB 200 และ GLB 250 4MATIC กับเครื่องยนต์ดีเซล GLB 200 d, GLB 200 d 4MATIC และ GLB 220 d 4MATIC ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ 221 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ 8 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC มาพร้อมกับโหมดการขับเคลื่อนแบบต่างๆ Dynamic Select ส่งถ่ายกำลังทั้งแบบธรรมดา (50:50), แบบ Eco (80:20) และแบบสปอร์ท (70:30) เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการขับขี่มากที่สุด ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบอิสระ มัลทิลิงค์ และยังติดตั้งระบบปรับระดับช่วงล่างอัตโนมัติ (Adaptive Adjustable Damping) ระบบความปลอดภัย จัดเต็มด้วยระบบเตือนการชนพร้อมระบบเบรคอัตโนมัติ, ระบบช่วยประคองพวงมาลัยอัตโนมัติ (Active Steering Assist), ระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ (Active Lane Change Assist), ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ (Active Parking Assist with Parktronic), ระบบช่วยขึ้นเขา Hill-Start Assistance และระบบช่วยลงเขา Downhill Speed Regulation (DSR) นอกจากนี้ ยังรุ่นตกแต่งพิเศษที่มีการเสริมจากรุ่นเดิม ดังนี้ กระจังหน้าแบบบานเกล็ด พร้อมเส้นแนวนอนเส้นเดียว, กันชนหน้าทรงใหม่ พร้อมช่องเสริมลายตาข่ายสีดำ, สเกิร์ทล่างตกแต่งด้วยโครเมียม และราวหลังคาตกแต่งด้วยสีเงิน Mercedes-Benz GLB เริ่มวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วงปลายปี 2019 สำหรับประเทศไทยคาดว่าคงจำหน่ายในปีหน้า