หลังหายหน้าไป 5 ปี เมืองไทยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 ถึงวันนี้ (24 มิถุนายน 2562) ครบ 3 เดือน 1 พรรษา ยังไม่สามารถมีคณะรัฐบาลชุดใหม่บริหารราชการแผ่นดิน สิ่งที่ปวงชนชาวไทยได้มาหลังสุด คือ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ ลุงตู่คนเก่าข้าพเจ้าเกิดปี 2474 และเมื่ออายุครบ 3 เดือน เมืองไทยก็มีนายกรัฐมนตรีคนแรก ซึ่งได้แก่ พระยามโนปกรณนิติธาดา เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2475 โดยใช้ชื่อเรียก “คณะรัฐมนตรี” ว่า “คณะกรรมการราษฎร” และ “นายกรัฐมนตรี” ใช้ชื่อเรียก “ประธานคณะกรรมการราษฎร” ข้าพเจ้าเริ่มเป็นเด็กกรุงเทพฯ เมื่อปี 2491 ซึ่งมี จอมพลแปลก พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี และมีคณะรัฐมนตรีคณะที่ 21 หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 บ้านเมืองของเรา เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มาแล้วหลายคน หลายคณะ ถึงวันนี้ ลุงตู่ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 สมัยที่ 2 ข้าพเจ้าเกิดมาปูนนี้ ยังไม่เคยพบเห็นความล่าช้าในการตั้งคณะรัฐมนตรีเท่าครั้งนี้ เลือกตั้ง 3 เดือนเข้าไปแล้ว ยังไม่เห็นโฉมหน้า ครม. จะยื่นคำร้องกล่าวโทษใครก็ไม่ได้ ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก คือ ยุทธการแย่งตำแหน่งการเมือง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี จนถึงรัฐมนตรี วันนี้ เมืองไทยเพิ่งเสร็จสิ้นการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำอาเซียน 10 ประเทศ ข้าพเจ้าไม่ทราบว่า มีผู้นำอาเซียนชาติใดพิศวงหรือไม่ ที่เราไม่มีคณะรัฐมนตรีทั้งๆ ที่เลือกตั้งผ่านไปแล้วจะครบ 1 พรรษา ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ หลายพรรคการเมืองได้รับการเลือกตั้ง มี สส. เกลื่อนกลาดประเทศ มีการแบ่งแยกขั้วการเมืองออกเป็น 2 ขั้ว ตามธรรมเนียมที่เคยปรากฏ คือ ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ที่มีเสียงโหวทพอๆ กัน เรียกว่า เป็นรัฐบาลปริ่มน้ำ นับเป็นช่วงเวลาที่บ้านเมืองของเราค่อนข้างตื่นเต้น เพราะมีรัฐบาลรักษาการนานถึง 3 เดือน แถมวันข้างหน้าก็ต้องลุ้นทุกวัน ว่าจะมีคณะรัฐมนตรีที่อายุสั้น หรืออายุยืน ข้าพเจ้าเห็นว่า ความล่าช้าแบบนี้ไม่น่าเป็นผลดีแก่ประชาชนของประเทศ ปวงชนยังไม่เห็นนานาสารพันเรื่องราวที่พวกเขาเรียกร้อง คำมั่นสัญญาที่ สส. ทั้งหลายให้ไว้กับพวกเขาก็ไม่ปรากฏ ในที่สุด เห็นจะหนีกรรมเก่าของประชาชนไม่พ้น ซึ่งพวกเขาสร้างวาทกรรมนำไปอ้างเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์อย่างน่ารังเกียจ...และสามานย์...!!!