อวดโฉมตั้งแต่ต้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม จนวันที่ 9 กันยายน 2562 พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ จากนั้นเราก็ได้ร่วมทดลองขับ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี รุ่นล่าสุดคันนี้ บนเส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน
Chevrolet Captiva เจเนอเรชันล่าสุด เมื่อเทียบกับเจเนอเรชันก่อน จะมีบุคลิก และตำแหน่งการตลาดเปลี่ยนแปลงไป เพราะก่อนหน้านี้จะเป็น ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ในกลุ่ม ซี–เซกเมนท์ โดยคู่แข่งระดับเดียวกัน ได้แก่ Honda CR-V, Mazda CX-5 และ Nissan X-Trail มีจุดเด่นที่รูปลักษณ์ภายนอกสไตล์บึกบึน ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน และมีขุมพลังให้เลือกทั้งดีเซล และเบนซิน แต่การใช้ตัวถังเดิมทำตลาดค่อนข้างนาน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับบรรดาคู่แข่ง ช่วงหลังๆ จึงดูเงียบ และสิ้นสุดสายการผลิตไป จนถึงเวลาของการทำตลาดเจเนอเรชันล่าสุดของ Chevrolet Captiva ที่มาพร้อมเสียงฮือฮา เพราะราคาจำหน่ายที่หั่นลงมาอยู่ที่ 999,000-1,199,000 บาท ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้พอสมควร โดยผู้ผลิตได้ระบุว่ามีการวางตำแหน่งทางการตลาดแทรกกลางระหว่าง ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี กลุ่ม บี-เซกเมนท์ (Honda HR-V, Toyota C-HR, MG ZS) และกลุ่ม ซี-เซกเมนท์ (Honda CR-V, Nissan X-Trail, Mazda CX-5)
Chevrolet Captiva ใหม่ ใช้แนวคิด “3S ดีไซจ์น” ประกอบด้วย Style: เน้นความโฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน Space: พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางอเนกประสงค์ และ Smart Technology: เทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยมี 3 รุ่นย่อย ได้แก่
รูปลักษณ์ภายนอกมีเส้นสายสะดุดตา โดยเฉพาะด้านหน้าที่ดูคมเข้ม พร้อมแอลอีดี Daytime Running Light (DRL) และไฟเลี้ยวในชุดโคมเดียวกัน โคมไฟหน้าแอลอีดี มีพาโนรามิค ซันรูฟ ขนาดใหญ่ เฉพาะรุ่น Premier พร้อมระบบเปิด/ปิด One-Touch ล้ออัลลอย 17 นิ้ว กับยางขนาด 215/60 R17 โดยรุ่น LS จะใช้ล้อลายมาตรฐาน ส่วนรุ่นพี่ทั้งสองใช้ล้อลายสปอร์ททูโทน
พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร กว้างขวางตามมิติของตัวรถ งานประกอบค่อนข้างน่าพอใจ เบาะแถว 2 สามารถพับโดยการดึงสลักเพียงครั้งเดียว พร้อมเลื่อนตำแหน่งหน้า/หลัง ช่วยเพิ่มพื้นที่วางขาให้ผู้โดยสารแถว 3 หน้าจอแสดงผลของ รุ่น Premier เป็นแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ออกแบบให้มองเห็นง่าย และอ่านข้อมูลได้ชัดเจน เบาะนั่งแถวที่ 2 กับ 3 สามารถพับได้หลากหลาย ในอัตราส่วน 60:40 และ 50:50 ตามลำดับ และระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ มีช่องแอร์แยกสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3
ไฮไลท์ของห้องโดยสารอยู่ที่หน้าจออินโฟเทนเมนท์ ขนาด 10.4 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง (มีทุกรุ่น) ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 8.0 แล้วครอบทับด้วยระบบ Chevrolet Link สำหรับเชื่อมต่อสื่อสาร และความบันเทิง สามารถแสดงหน้าจอมือถือบนจออินโฟเทนเมนท์ รองรับการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ ระบบเครื่องเสียง Infinity by Harman ลำโพง 9 ตัว รวมซับวูเฟอร์ (เฉพาะรุ่น Premier) และช่องเชื่อมต่อ USB พอร์ท 4 ตำแหน่ง (รุ่น LT และ Premier)
https://www.youtube.com/watch?v=FKZ9PjqkAko
ระบบความปลอดภัยภายในห้องโดยสาร เริ่มจากโครงสร้างนิรภัย พร้อมคานเหล็กกันกระแทกด้านข้าง ถุงลมนิรภัย สำหรับผู้ขับขี่กับผู้โดยสารด้านหน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้ขับขี่กับผู้โดยสารด้านหน้า 4 จุด (รุ่น LT และ Premier) ตำแหน่งยึดเบาะนั่งสำหรับเด็กได้มาตรฐาน ISOFIX ที่เบาะนั่งแถวที่ 2 กล้องมองภาพด้านหลังพร้อมเส้นกะระยะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และกล้องมองภาพ 360 องศา พร้อมเซนเซอร์กะระยะรอบคัน (รุ่น Premier) ระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนแรงดันลมยาง (TPMS) ระบบเบรคมือไฟฟ้า (EPB) และระบบหน่วงเบรคอัตโนมัติ (Auto Vehicle Hold)
https://www.youtube.com/watch?v=QF296V8VW18
ขุมพลังของ Chevrolet Captiva ใหม่ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 5,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 2,400 รตน. ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติแปรผัน 8 จังหวะ (ไม่มีแพดเดิล ชิฟท์ แต่มีโหมด +/- ที่คันเกียร์) ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
ระบบรองรับของ Chevrolet Captiva เป็นแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังมัลทิลิงค์ ระบบเบรคแบบจานหน้า/หลัง ด้านหน้ามีช่องระบายความร้อน ทั้งหมดทำงานร่วมกันกับระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้ง ABS, EBD, BA, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS), ระบบควบคุมเสถียรภาพ (ESC) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
การทดลองขับ Chevrolet Captiva เริ่มจาก VIE Hotel Bangkok มุ่งหน้าสู่ อ. หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้เส้นทางพระราม 2 ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องผ่านสภาพการจราจรหนาแน่น การขับขี่เคลื่อนตัวช้าสลับหยุดนิ่ง ตัวรถมีความคล่องแคล่ว และทัศนวิสัยที่ดี ความสะดวกสบายในห้องโดยสารมีให้เหลือเฟือ ช่วงความเร็วต่ำสัมผัสได้ว่าระบบรองรับออกแบบเน้นความนุ่มนวลตามสไตล์รถครอบครัว พวงมาลัยมีน้ำหนักเบา การตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ผู้ขับขี่ต้องสร้างความคุ้นเคยกับจังหวะการทำงานก่อน เพราะถ้ากดคันเร่งลงไปอย่างรวดเร็ว รถจะยังไม่ออกตัวได้ตามต้องการ เหมือนต้องใช้เวลาคิดก่อนถึงจะยอมทำตามคำสั่ง ซึ่งคาดว่าเป็นเรื่องซอฟท์แวร์ของระบบส่งกำลัง ในอนาคตที่น่าจะมีการปรับปรุง
หลังจากผ่านช่วงการจราจรหนาแน่น เข้าสู่ความเร็วเดินทางตามปกติ ความเงียบของห้องโดยสารอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยิน การทำงานของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังมีความนุ่มนวลสูง ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำตามสไตล์ของเกียร์อัตโนมัติแปรผัน พละกำลังมีให้ใช้แบบพอเพียง การเร่งแซงช่วงความเร็ว 80-120 กม./ชม. ต้องเผื่อระยะสักเล็กน้อยโดยเฉพาะบนถนน 2 เลน เนื่องจากการใช้ขุมพลังบลอคเล็กพ่วงระบบอัดอากาศ แล้วมาแบกน้ำหนักตัวระดับ 1.5-1.6 ตัน ไม่รวมผู้ขับขี่และผู้โดยสาร (น้ำหนักของแต่ละรุ่นย่อยไม่เท่ากัน) ถือเป็นภาระไม่น้อย การทำงานของระบบรองรับช่วงความเร็วสูงยังคงนุ่มนวล มีการให้ตัวค่อนข้างมากขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง พวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากช่วงความเร็วต่ำ แต่การบังคับควบคุมยังไม่เฉียบคมเท่าที่ควร ส่วนเรื่องการหยุดนั้นมั่นใจได้ในทุกย่านความเร็ว ซึ่งยางมีส่วนสำคัญตรงจุดนี้ แม้ยางที่ติดมาจากโรงงานจะไม่ใช่ “เมเจอร์บแรนด์” ที่เราคุ้นเคยกันก็ตาม แต่ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีทีเดียว
Chevrolet Captiva ใหม่ คันนี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกมาก หรือผู้ชอบการเดินทางไกล และไม่มีนิสัยที่ชอบเรียกสมรรถนะสูงสุดออกมาใช้บ่อยๆ เพราะเมื่อดูขนาดของตัวรถ อรรถประโยชน์ในห้องโดยสาร ฟีเจอร์ และฟังค์ชันต่างๆ ที่มีให้เทียบกับราคาจำหน่ายแล้ว ต้องถือว่า ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี คันนี้ คือ ผู้เล่นคนสำคัญอีกหนึ่งรายที่เฉลียวฉลาดในการวางตำแหน่งของตัวเอง แต่จะถูกที่ ถูกเวลา หรือไม่นั้น ต้องติดตามกันต่อไป
ขอบคุณ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด ที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้
ข้อมูลจำเพาะ Chevrolet Captiva
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด โทร.0-2791-3400
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,655/1,835/1,760
ฐานล้อ (มม.) 2,750
น้ำหนัก (กก.) 1,520 - 1,630
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 52
เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ
ความจุ (ซีซี) 1,451
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 73.8/84.7
อัตราส่วนกำลังอัด 9.8:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 143/5,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 25.5/2,400
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) ซีวีที 8
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท
หลัง อิสระ มิลทิลิงค์
ระบบบังคับเลี้ยว ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า
ระบบห้ามล้อ เอบีเอส อีบีดี บีเอ
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 999,000 - 1,199,000

