รถอินเดียยังไม่ปลอดภัย

 

รายงานข่าวจาก Global NCAP สถาบันทดสอบการชนเพื่อความปลอดภัยระดับโลก ซึ่งนำรถที่ผลิตจากประเทศอินเดีย ไปทำการทดสอบการชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก FIA Foundation รายงานผลการทดสอบ Maruti Suzuki Ertiga, Maruti Suzuki Wagon R, Hyundai Santro และ Datsun Redi Go ที่ผ่านมาตรฐานของประเทศอินเดียแล้ว

รายงานระบุว่า การทดสอบการชนเยื้องหน้า ที่ใช้ความเร็ว 64 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่เร็วกว่าการทดสอบในประเทศอินเดีย อยู่ 8 กม./ชม. โดย Global NCAP ยังระบุว่า เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของตัวรถที่นำมาทดสอบ แม้ว่าในประเทศอินเดีย รถยนต์ส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำความเร็วได้เกิน 60 กม./ชม. อันเนื่องมาจากความคับคั่งของถนน และผู้คน Global NCAP จัดตั้งโครงการความปลอดภัยเพื่ออินเดีย หรือ SaferCarsForIndia เมื่อปี 2557 วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการผลิตรถยนต์ ที่ประกอบในอินเดีย โดยช่วงเวลาระหว่างปี 2557-2561 Global NCAP ได้นำรถยนต์ที่ประกอบจากประเทศอินเดีย ไปทดสอบการชนมาแล้ว 29 รุ่น เพื่อเสริมสร้างให้ผู้ผลิตรถยนต์ในอินเดีย ได้ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยเพิ่มขึ้น Global NCAP เลือกรถยนต์ในรุ่นมาตรฐาน ที่ต่ำสุดของทุกยี่ห้อ ซึ่งมีเพียง Ertiga ที่มีถุงลมนิรภัย 2 ใบ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่รถยนต์ยี่ห้ออื่น ติดตั้งให้ผู้ขับขี่เพียงใบเดียว และผลการทดสอบโดยเฉพาะความปลอดภัยของผู้ใหญ่ พบว่าแตกต่างจากมาตรฐานทางเทคนิคของอินเดีย อย่างมาก ผลทดสอบการชน ซึ่งมีผลด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย แต่ไม่มีค่ายรถยนต์ใด สามารถทำคะแนนได้ถึงระดับ 5 ดาวเลย ขณะที่ Maruti Suzuki Ertiga ทำคะแนนได้ 3 ดาว ทั้งในด้านการปกป้องผู้ใหญ่ และเยาวชน แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ยังมีสิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะต้องปรับปรุงความปลอดภัยโดยรวมของตัวรถ ปัจจุบัน มาตรฐานการทดสอบการชนของอินเดีย ช่วยป้องกันรถยนต์ที่ไม่สามารถปกป้องคนภายในรถ และได้คะแนนจากการทดสอบการชนเพียง 0 คะแนน ให้ออกสู่ตลาดโดยง่าย แต่ Global NCAP ก็ระบุว่า จะยังคงทำการทดสอบการชนอีกต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่า ได้มีพัฒนาการในการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคได้เล็งเห็น และเลือกซื้อรถยนต์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่า เพื่อนำไปใช้งาน ผลการทดสอบในแต่ละรุ่น เริ่มด้วย Maruti Suzuki Ertiga เอมพีวี ที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภค คว้าคะแนน 3 ดาว ในการปกป้องผู้ใหญ่และเยาวชนภายในรถ ด้วยถุงลมนิรภัย 2 ใบ เป็นมาตรฐาน แม้ว่าโครงสร้างของตัวรถ จะยังไม่มั่นคง และน่าจะมีการปรับปรุง โดยเฉพาะบริเวณที่วางเท้า และแป้นเหยียบ ที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของผู้ขับขี่ได้ นอกนั้นการปกป้องศีรษะและลำคอผู้ใหญ่ ก็ทำได้ดี รวมทั้งการปกป้องไหล่ของผู้โดยสาร ก็ดีด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่น่าแปลกใน คือ เข็มขัดนิรภัย Maruti Suzuki Ertiga ติดตั้งแบบจุดยึด 2 จุด สำหรับคู่หน้า ขณะที่ Global NCAP ระบุว่า ควรติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบยึด 3 จุด ได้แล้ว คันต่อไปเป็น Maruti Suzuki Wagon R คว้าคะแนนเพียง 2 ดาว ทั้งการปกป้องผู้ใหญ่ และเยาวชน แม้ว่าจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวอินเดียก็ตาม โดยมีเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่เท่านั้น รวมทั้งโครงสร้างโดยรวมได้รับคะแนน ไม่แข็งแรง เช่นเดียวกับความไม่แข็งแรงของที่วางเท้า รวมทั้งแป้นเหยียบ อาจเกิดการบาดเจ็บให้กับขาส่วนล่างของผู้ขับขี่ การปกป้องส่วนศีรษะของผู้ใหญ่ อยู่ในระดับดี เช่นเดียวกับการปกป้องส่วนลำคอ ขณะที่การปกป้องส่วนไหล่ด้านหน้า ยังไม่เพียงพอ รวมทั้งไม่มีจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็กด้วย การปกป้องเยาวชน คะแนนแย่มาก โดยเฉพาะสำหรับเด็กอายุ 3 ปี ที่ระบบปกป้องเด็กแรกเกิด ใช้ไม่ได้ระหว่างการทดสอบการชน ทำให้ศีรษะของหุ่นดัมมีกระแทกกับที่นั่งหน้า และเช่นเดียวกับคันที่แล้ว Global NCAP ระบุว่า น่าจะใช้เข็มขัดนิรภัยแบบ จุดยึด 3 จุด ได้แล้ว ตามมาด้วยรถแฮทช์แบค Hyundai Santro ที่ได้คะแนนเพียงระดับ 2 ดาวเท่านั้น ทั้งการปกป้องผู้ใหญ่ และการปกป้องเยาวชน ที่มีถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่เพียงใบเดียว Global NCAP ให้คะแนน โครงสร้างด้านล่างและที่วางเท้า ไม่มั่นคง การปกป้องศีรษะและลำคอ สำหรับผู้ใหญ่ ทำได้ดี ขณะที่การปกป้องส่วนไหล่ของผู้ขับขี่ ยังใช้ไม่ได้ ส่วนผู้โดยสาร ยอมรับได้ เช่นเดียวกับที่ไม่มีจุดยึดเก้าอี้เด็กด้านหน้าด้วย ในแง่การปกป้องเยาวชน ผลการทดสอบ ยอมรับไม่ได้ ขณะที่การปกป้องศีรษะเด็กอายุ 3 ปี มีรอยกระแทกระหว่างการชน รวมทั้งการปกป้องส่วนลำคอ ก็ใช้ไม่ได้ และเช่นเดียวกับ 2 รุ่นก่อนหน้า คือ ไม่มีจุดยึดเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ในทุกที่นั่ง รุ่นสุดท้าย เป็นรุ่นลูกน้องของค่าย Nissan คือ Datsun Redi Go ได้คะแนนจากการทดสอบการชน 1  ดาว สำหรับการปกป้องผู้ใหญ่ และ 2 ดาวสำหรับการปกป้องเยาวชน Datsun มีถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่เพียงใบเดียวเป็นมาตรฐาน โดยโครงสร้างบริเวณที่วางเท้า ไม่มีความมั่นคง ส่วนการปกป้องศีรษะของผู้ใหญ่ ก็ไม่เพียงพอ อันเนื่องมาจากตำแหน่งพวงมาลัย ส่วนการป้องกันศีรษะของผู้โดยสาร จัดว่าดี เช่นเดียวกับการป้องกันส่วนคอ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ก็ดีเช่นกัน การป้องกันส่วนคอ นับว่าแย่มาก ขณะที่การปกป้องส่วนไหล่ อาจทำให้เกิดบาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยรวมแล้ว Global NCAP ยังระบุว่า จากผลทดสอบการชน พบว่า ยังไม่สามารถปกป้องผู้โดยสาร ทั้งผู้ใหญ่และเยาวชน ได้ดีพอ ถุงลมนิรภัย ก็มีไม่เพียงพอ รวมทั้งจุดยึดเข็มขัดนิรภัย ที่น่าจะใช้ในแบบ 3 จุด