Bajaj ในฐานะบแรนด์รถจักรยานยนต์อันดับ 3 ของโลก มีโรงงานผลิตทั้งในประเทศอินเดีย และทั่วโลก ที่ได้มาตรฐานสากล โดยมีสำนักงานในกว่า 70 ประเทศ มียอดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ในปีที่ผ่านมา ทั้งหมดกว่า 4.2 ล้านคัน โดยจำนวน 1.7 ล้านคัน ส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ สร้างรายได้รวมถึง 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะตลาดหลักของบริษัทฯ และได้วางแผนที่จะย้ายสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชีย และเปิดศูนย์การออกแบบในกรุงเทพฯ ในปี 2563
เคทีเอม อินดัสตรีส์ อาเก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ KTM และ Husqvarna จากประเทศออสเตรีย และยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ Bajaj ร่วมกันออกแบบและผลิตรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ โดย KTM ไม่เพียงเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป แต่ยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ออฟโรด และสปอร์ทของโลก โดยในปี 2561 บริษัทฯ มียอดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์รวมทั้ง 2 บแรนด์ทั่วโลกอยู่ที่ 261,454 คัน (KTM 212,899 คัน และ Husqvarna 48,555 คัน) สะท้อนการเติบโตขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีรายได้สูงถึง 1,560 ล้านยูโร (หรือประมาณ 52,260 ล้านบาท) ทำสถิติรายได้สูง 8 ปีติดต่อกัน
ทั้งนี้ รถมอเตอร์ไซค์ KTM มีชื่อเสียงในฐานะรถออฟโรดทรงสปอร์ทที่ทรงพลัง และคล่องตัว ในขณะที่ Husqvarna บแรนด์จากประเทศสวีเดน ได้รับการยอมรับในเรื่องของความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของรถมอเตอร์ไซค์ประเภทกระบอกสูบเดียว และประเภทออฟโรดจากทั่วโลก
ลูกา มาร์ทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคทีเอม เอเชีย กล่าวว่า เชื่อว่าตลาดประเทศไทยนั้นมีศักยภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มรถจักรยานยนต์สปอร์ท และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทที่มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จอย่างสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ซึ่งการแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายรายใหม่ พร้อมกับการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่าง Bajaj จะช่วยสร้างบแรนด์ในตลาด ซึ่งเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทฯ
โยชิอากิ อิชิมูระ ประธาน โซจิทสึ ออทรานส์ คอร์พอเรชัน บริษัทในเครือกลุ่มบริษัทโซจิทสึ กล่าวอีกว่า แม้ว่าตลาดโดยรวมของรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยจะชะลอตัวลงนับจากปี 2555 ที่มียอดขายสูงถึง 2.13 ล้านคัน แต่เรามั่นใจว่าด้วยรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ทที่จะแนะนำเข้าสู่ตลาดจากทั้ง 3 บแรนด์นี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในกลุ่มคนรักบิกไบค์
เย็บ ซู ชวน ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อาปิโก รู้สึกตื่นเต้นกับความท้าทายใหม่ของการร่วมทุนครั้งนี้ เรามองไปข้างหน้าในการปรับเปลี่ยนธุรกิจของบริษัทฯ จากอุตสาหกรรมยานยนต์สู่ธุรกิจรถจักรยานยนต์ในปี 2563 เราเชื่อมั่นว่าด้วยความสัมพันธ์ทางธุรกิจอันยาวนานกับ โซจิทสึ คอร์พอเรชัน ผนวกกับประสบการณ์ของเรา และทีมงานคุณภาพของ วรูมฯ จะทำให้ อาปิโก ไฮเทคฯ ประสบความสำเร็จ และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่บริษัทฯ อย่างแน่นอน และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจาก Bajaj และเคทีเอม อินดัสตรีส์ อาเก ให้มีส่วนช่วยเสริมสร้างบแรนด์ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัท วรูม จำกัด ได้แต่งตั้ง ฮิเดกิ ยานากิซาวะ อดีตประธาน บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย วรท กมลโชติรส ดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหาร
“วรูมฯ มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่รู้จักและเข้าใจลูกค้า ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดของเรา คือ การสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์รถมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้า และการบริการหลังการขายที่มีคุณภาพ โดยเน้นเรื่องการส่งมอบชิ้นส่วนอะไหล่อย่างรวดเร็ว และการซ่อมบำรุงที่ตรงเวลา ปัจจุบัน เรากำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการตอกย้ำพันธสัญญาของเรา” ฮิเดกิ ยานากิซาวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วรูม จำกัด กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ บริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างฟแลกชิพโชว์รูมปากซอยลาดพร้าว 122 และคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2563 ก่อนการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ของบแรนด์ Bajaj, KTM และ Husqvarna ในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ในเดือนมีนาคม 2563