รายงานข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ค่าย Toyota ประกาศแผนงานด้านการผลิตจากโรงงานหลายแห่ง ในทวีปอเมริกาเหนือ มีการปรับเปลี่ยนสายการผลิต โดยระบุว่า เพื่อให้การขนส่งชิ้นส่วนสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นการปรับแผนการผลิตในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนงานทีละขั้นตอน เพื่อป้องกันให้โรงงานแต่ละแห่ง สามารถทำการผลิตต่อเนื่องไปได้ โดยไม่มีการเลิกจ้างแรงงาน และให้โรงงานแต่ละแห่งสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เริ่มต้นด้วย ย้ายฐานการผลิต Sequoia เอสยูวี ขนาดใหญ่ ไปยังโรงงานใน San antonio แห่งใหม่ที่จะเริ่มสายการผลิตในปี 2565 อันจะทำให้โรงงานแห่งนี้ ผลิตรถกระบะ Tundra และ Sequoia ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนกันได้ ขณะที่ รถกระบะขนาดกลาง Tacoma จะย้ายฐานการผลิตจากโรงงานใน San antonio ไปยังโรงงานใน Guanajuato ประเทศเมกซิโก ซึ่งผลิต Tacoma อยู่แล้ว ซึ่งเป็นการรวมเอาไว้ในโรงงานเดียวกัน และขณะเดียวกัน ก็จะทำให้โรงงาน San antonio สามารถเพิ่มกำลังการผลิต Tundra ได้มากขึ้น ขณะที่โรงงานใน Indiana ก็จะสามารถเพิ่มกำลังผลิตรถครอสส์โอเวอร์รุ่นใหญ่ Highlander และ Sienna ในวันเวลาที่ผ่านมา Toyota พยายามที่จะช่วยรักษากำลังการผลิตของโรงงานในแต่ละแห่ง มากกว่าที่จะคำนึงถึงกำลังการผลิต และผลผลิตที่เหมาะสม Toyota ได้วางแผนงานไว้ 5 ปี ด้วยงบประมาณ 13 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จนถึงปี 2574 ในการปรับปรุงสายการผลิต และโยกย้ายรุ่นที่ทำการผลิตไปยังโรงงานที่เหมาะสม อันจะช่วยใหสามารถขยายกำลังการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อการขยายโรงงานในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเมกซิโก เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตด้วยเช่นกัน ปัจจุบัน Toyota และ Mazda ร่วมมือกันสร้างโรงงาน มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน Huntsville อลาบามา โดยจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในปี 2564