6 Apps สุดเจ๋ง ที่คนรักรถ (เข้าไส้) ห้ามพลาด !

สมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือเราทุกวันนี้ สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิด และยังเป็นเครื่องมือชั้นดี ที่มาช่วยเสริมให้การขับขี่รถยนต์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แถมบางครั้งยังช่วยให้เรารู้จักรถยนต์ของตัวเองได้ดีขึ้นอีกด้วย

สมาร์ทโฟนในปัจจุบันมาพร้อมเซนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Accelerometer หรือแม้แต่กล้องดิจิทอลความละเอียดสูง ซึ่งเมื่อผสานเข้ากับแอพพลิเคชันที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี การขับรถในทริพนั้นก็จะกลายเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน ส่วนจะมีแอพพลิเคชันไหนที่น่าสนใจบ้าง หรือควรจะติดตั้งในฐานะแอพพลิเคชันคู่ใจของคนรักรถ รักการเดินทาง BMW.com มีตัวเลือกเจ๋งๆ มาฝาก   1. PerfExpert แอพพลิเคชันสุดเจ๋ง สำหรับทดสอบประสิทธิภาพรถ สำหรับแอพพลิเคชัน PerfExpert ผู้ใช้งานไม่ต้องทำการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับรถยนต์แต่อย่างใด การทำงานของแอพพลิเคชันเริ่มจากการหาถนนสำหรับทดสอบที่เหมาะสม (ถนนต้องเรียบ สามารถวิ่งทางตรงได้ และมีระยะทางที่ไกลมากพอ) จากนั้นให้ยึดสมาร์ทโฟนกับฐานเอาไว้บริเวณคอนโซลหน้ารถให้แข็งแรง แล้วให้กดปุ่ม START บนแอพพลิเคชัน PerfExpert รอจนกว่าจะปรากฏสัญญาณ GO เมื่อมีสัญญาณ GO ปรากฏบนหน้าจอ ให้เริ่มออกสตาร์ทตั้งแต่เกียร์ 1 ค่อยๆ ปรับความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงรอบเครื่องยนต์สูงสุด จากนั้นจึงถอนคันเร่ง และปล่อยให้รถค่อยๆ แล่นช้าลง ระหว่างนี้แอพพลิเคชัน PerfExpert จะคำนวณ และแสดงผลข้อมูลสำคัญๆ ออกมา เช่น แรงม้า และแรงบิด ของรถยนต์ของเราว่าอยู่ที่เท่าไร เป็นต้น อย่างไรก็ดี การใช้แอพพลิเคชันนี้มีค่าใช้จ่าย สนนราคาอยู่ที่ 14.99 เหรียญสหรัฐฯ รองรับทั้ง iOS และ Android   2. Driversnote ตัวช่วยบันทึกการเดินทางผ่าน GPS สำหรับใครที่มองว่าการจดบันทึกข้อมูลการเดินทางเป็นเรื่องไม่สนุก เราอยากให้ลองติดตั้งแอพพลิเคชัน Drivernote ดู เพราะแอพพลิเคชันตัวนี้จะช่วยจดบันทึกการเดินทางให้เราโดยอัตโนมัติ ผ่านชิ้นส่วนเล็กๆ ในสมาร์ทโฟนอย่าง GPS แถมยังช่วยคำนวณระยะทางออกมาให้อย่างแม่นยำ การทำงานของ Drivernote ต้องถือว่าฉลาดมาก เพราะสามารถแยกได้ด้วยว่า การเดินทางที่เกิดขึ้นเป็นเส้นทางปกติที่เราใช้ในการทำงาน (Business Trip) หรือเป็นทริพส่วนตัวที่เราเดินทางไปเพื่อพักผ่อน (ตรวจจับจากสถานที่ที่เราเดินทางไป) ทำให้เราสามารถจัดหมวดหมู่การเดินทาง-ค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ข้อมูลที่ตัวแอพพลิเคชันเก็บเอาไว้ยังสามารถ Export ออกมาเป็นไฟล์ PDF หรือไฟล์ Excel เพื่อนำไปใช้งานอย่างอื่นได้ด้วย ความน่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอพพลิเคชัน Drivernote คือ มีทั้งเวอร์ชันฟรี และเวอร์ชันเสียเงิน ซึ่งเวอร์ชันฟรีจะบันทึกการเดินทางให้เราได้สูงสุด 20 ทริพ/เดือน แต่ถ้าจ่ายเงินเดือนละ 9.50 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 295 บาท) จะสามารถบันทึกทริพได้ไม่จำกัด และสามารถเข้าถึงฟีเจอร์อื่นๆ ในแอพพลิเคชันเพิ่มเติมได้ด้วย ที่สำคัญ Drivernote รองรับทั้ง iOS และ Android   3. RiiiDE โซเชียลมีเดียสำหรับคนรักรถ ในฐานะคนรักรถ เราย่อมอยากอยู่ในแวดวงของคนรักรถ ซึ่งพแลทฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบเดิมๆ อาจมอบให้ไม่ได้ และก็มีบริษัทสัญชาติเยอรมนี มองเห็นช่องว่างดังกล่าวเลยพัฒนาแอพพลิเคชัน RiiiDE ขึ้นมาเพื่อเป็นโซเชียลมีเดียสำหรับคนรักรถโดยตรง บน RiiiDE เราสามารถอัพโหลดภาพรถ ทริพเดินทางที่ประทับใจ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับรถ และเราอยากจะแบ่งปัน รวมถึงสามารถจัดอีเวนท์ก็ยังได้ แถมยังติดตั้งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยใช้งานได้ทั้ง iOS และ Android   4. Car Scanner ELM OBD2 ตัวช่วยสแกนรถอย่างละเอียด แอพพลิเคชัน Car Scanner ELM OBD2 อาจจะเหมาะกับคนรักรถยนต์สายเนิร์ดสักหน่อย เพราะมันสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกมากๆ เกี่ยวกับรถยนต์ได้ เช่น การปล่อยแกสต่างๆ ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ไปจนถึงการทำงานที่ผิดปกติของบางระบบ ซึ่งการจะทำให้ Car Scanner ELM OBD2 แสดงผลข้อมูลเชิงลึกระดับนั้น เราต้องทำการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับตัวรถยนต์ผ่าน Adaptor ที่รองรับ โดยทางเวบไซท์แนะนำว่า ไม่ควรซื้อ Adaptor ที่มีราคาต่ำกว่า 15 เหรียญสหรัฐฯ เนื่องจาก Adaptor เหล่านั้น แม้จะทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันได้ แต่ก็มีคุณภาพต่ำเกินไป   5. Roadtrippers ชุมชนนักวางแผนการเดินทาง การวางแผนการเดินทางอาจจะสนุกสำหรับบางคน แต่บางคนก็อาจอยากได้ความเห็นจากเพื่อนๆ หรือคนที่เคยเดินทางไปยังสถานที่นั้นมาแล้ว ซึ่งหากคุณเป็นนักเดินทางกลุ่มหลัง แอพพลิเคชัน Roadtrippers น่าจะตอบโจทย์ได้ดี เพราะ Roadtrippers เป็นชุมชนคนขับรถที่มาแบ่งปันข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อให้คุณประหยัดเวลา และรู้ก่อนว่าควรจะวางแผนการขับรถทริพนี้อย่างไร นอกจากนั้น ตัวแอพพลิเคชันยังพร้อมจะแนะนำเส้นทางใหม่ๆ ให้คุณได้ทดลองขับหาประสบการณ์เพิ่มด้วย โดย Roadtrippers มีทั้งเวอร์ชันฟรี และเวอร์ชันเสียเงิน ซึ่งในเวอร์ชันเสียเงิน ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้ไม่อั้น ในราคา 29.90 เหรียญสหรัฐฯ/ปี   6. My BMW เป็นทุกอย่างที่คนรัก BMW ต้องการ สำหรับใครที่มีรถยนต์ BMW หนึ่งในแอพพลิเคชันห้ามพลาด ที่จะติดตั้งก็คือ My BMW นั่นเอง แอพพลิเคชันนี้จะช่วยให้ชีวิตของเจ้าของรถสะดวกสบาย ทั้งยามที่อยู่บนท้องถนน และขณะที่ไม่ได้ขับขี่ อย่างแรกเลยที่สะดุดตา คือ การออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะวิศวกร และผู้พัฒนาแอพพลิเคชัน ได้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานเป็นพิเศษ ถ้าคุณเลือกดูข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ คุณจะเห็นข้อมูลสำคัญๆ เช่น ปริมาณเชื้อเพลิง, สถานะการชาร์จรถยนต์, ตำแหน่งของรถยนต์, เลขไมล์ (แบบเรียลไทม์) ที่หลายๆ คนน่าจะชอบมาก คือ การตรวจสอบ และสั่งการรถยนต์จากระยะไกล เช่น ตรวจสอบว่าลอคประตูรถหรือไม่, สั่งสตาร์ทรถ, ปรับอุณหภูมิในห้องโดยสาร, เปิดไฟหน้า, ตั้งค่าการชาร์จไฟได้ หรือถ้าหากระบบปฏิบัติการที่ใช้เป็นเวอร์ชัน 7 ขึ้นไป จะสามารถใช้ iPhone เป็น Digital Key ได้อีกด้วย ส่วนใครที่ใช้รถยนต์ BMW Plug-in Hybrid ก็สามารถเก็บแต้มรีวอร์ด BMW Point ผ่านทางแอพพลิเคชันได้ (จะได้รับแต้มจากการใช้พลังงานไฟฟ้าในการเดินทาง) และสามารถนำแต้มนี้ไปแลกกับการใช้บริการ BMW Charging ได้เพิ่มเติม นอกจากนั้น ในหน้าจอ Rewards เรายังสามารถเข้าไปตรวจสอบกิจกรรม หรือยอดคงเหลือได้ตลอดเวลา นอกจากนั้น ตัวแอพพลิเคชันยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ BMW Plug-in Hybrid นั่นคือ การแสดงผล Charging Profile, ประวัติการชาร์จในอดีต, การแจ้งเตือนให้ชาร์จไฟ รวมถึงสถานะโดยรวมในการชาร์จ ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การบริหารจัดการรถยนต์มีความสะดวกง่ายดายขึ้นอย่างมาก สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เรายังสามารถใช้แอพพลิเคชัน My BMW ในการนัดหมายออนไลน์เพื่อเข้าใช้บริการต่างๆ หรือเข้าร่วมเวิร์คชอพของ BMW ได้ด้วยเช่นกัน และหากรถยนต์ของคุณจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจสอบที่ศูนย์บริการ จะมีการแจ้งเตือนผ่านทางแอพพลิเคชัน ซึ่งคุณสามารถกำหนดวัน-เวลาที่สะดวก เพื่อทำการนัดหมายได้ทันที ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมความสะดวกอื่นๆ เช่น การหาที่จอดรถในบริเวณใกล้เคียง การขอความช่วยเหลือพิเศษหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หรือการซื้อบริการ Connected Drive เพิ่มเติม เช่น BMW Drive Recorder ฯลฯ ผ่านแอพพลิเคชันโดยตรง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทั้งหมดนี้ คือ ความสะดวกสบายที่ My BMW App เตรียมเอาไว้ สำหรับเจ้าของรถยนต์ BMW นั่นเอง