เดิมที Maybach (มายบัค) เป็นรถยนต์นั่งหรูหราขนาดใหญ่ จากประเทศเยอรมนี ถูกก่อตั้งโดย Wilhelm Maybach และลูกชาย ตั้งแต่ปี 2452 ในปี 2545 Maybach ได้กลับมาสร้างรถยนต์หรูอีกครั้ง ภายใต้เจ้าของใหม่อย่าง Mercedes-benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) โดยได้ออกมา 2 รุ่น คือ Maybach 57 และ Maybach 62 ทั้ง 2 คัน แตกต่างกันที่ความยาวของตัวถังรถ โดย Maybach ถือว่าเป็นรถในระดับหรู ซึ่งราคาใกล้เคียงกับ Bentley (เบนท์ลีย์) และ Rolls-Royce (โรลล์ส-รอยศ์)Mercedes-benz ได้แถลงว่าจะยุติสายการผลิตรถยนต์ Maybach ในปี 2555 เนื่องจากมียอดขายน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ในเดือนพฤศจิกายน 2557 ก็ได้เปลี่ยนใจประกาศการคืนชีพของชื่อ Maybach ในฐานะแบรนด์ย่อยที่อัพเกรดเพิ่มทั้งความหรูหรา และความสะดวกสบายจากรถ Mercedes-Benz S-Class (W222) ที่คล้ายกับแบรนด์ย่อย Mercedes-AMG (เมร์เซเดส-เอเอมจี) ที่มีสมรรถนะสูง และความสปอร์ทมากขึ้น และเมื่อ All New Mercedes-Benz S-Class ตัวถัง W223 เปิดตัวในปี 2563 ก็ถึงคราวที่ Mercedes-Maybach S-Class ใหม่ จะถือกำเนิดขึ้น โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ S 580 4MATIC และ S 680 4MATIC ที่มาพร้อมความยาวฐานล้อที่เพิ่มขึ้นอีก 18 ซม. เมื่อเทียบกับ S-Class รุ่นฐานล้อยาว ด้านขุมพลัง S 580 4MATIC ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน Mild-Hybrid แบบ V8 เทอร์โบคู่ ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 503 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร สามารถโอเวอร์บูสต์ได้อีก 200 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.8 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 250 กม./ชม. ด้าน S 680 4MATIC ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V12 เทอร์โบคู่ ความจุ 6.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 621 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 250 กม./ชม. เท่ากัน นอกจากนี้ ยังใส่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ที่จะส่งกำลัง 31 % ไปที่ล้อหน้า และ 69 % ไปล้อหลัง และมีระบบบังคับเลี้ยวที่เพลาหลัง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัว โดยสามารถหมุนล้อได้อีกถึง 10 องศา ดีไซจ์นภายนอกของ Mercedes-Maybach S-Class ใหม่ สามารถเลือกสีภายนอกแบบทูโทนได้ถึง 10 คู่สี กระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ กันชนถูกดีไซจ์นใหม่ ไฟหน้าแบบ Digital Light มือจับประตูแบบฝัง, ประตูหลังแบบไฟฟ้าที่สามารถเปิด/ปิดได้อัตโนมัติ ทำงานคู่กับระบบ Blind Spot Assist เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะเปิดประตู ความพิเศษของ Maybach อยู่ที่การตกแต่งภายใน เบาะนั่งแบบ Executive และ Chauffeur Package เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่สามารถเปลี่ยนห้องโดยสารด้านหลังให้กลายเป็นออฟฟิศเคลื่อนที่ ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย สะดวกสบายตลอดการเดินทาง โดยผู้โดยสารด้านหน้าสามารถเลื่อนไปข้างหน้าได้มากขึ้น และพนักพิงศีรษะลักชัวรีแบบ Easy Adjust สามารถถอดออกได้ ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังมองด้านหน้ารถได้ชัดเจน ที่พักเท้าบริเวณที่นั่งด้านหลังสามารถกางออกได้ด้วยระบบไฟฟ้า หนัง Nappa ที่ครอบคลุมแทบทุกส่วนของห้องโดยสาร รวมถึงบุหลังคา, แดชบอร์ดกรอบหน้าต่าง ไปจนถึงเสา Pillar การตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ เพิ่มความหรูหราให้แก่ตัวรถ มาตรวัดดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.8 นิ้ว เบาะที่นั่งที่มีทั้งระบบทำความร้อน และฟังค์ชันการนวดตัว ระบบปรับอากาศ 4 โซน ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายด้านหน้า/หลัง และไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ภายในห้องโดยสารยังได้รับการพัฒนาให้มีความเงียบมากยิ่งขึ้น ด้วยฟังค์ชันลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารแบบแอคทีฟ มีการทำงานคล้ายกับหูฟังประเภท Noise-Cancelling โดยจะส่งคลื่นเสียงความถี่ต่ำ เพื่อหักล้างเสียงรบกวนที่เล็ดลอดเข้ามายังห้องโดยสาร ซึ่งระบบนี้ส่วนหนึ่งของระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester High-End 4D และระบบ MBUX High-End Rear Seat Entertainment โดยที่เบาะหลัง จะมาพร้อมจอแสดงผลขนาด 11.6 นิ้ว 2 จอ ลูกคัายังสามารถซื้อแก้วแชมเปญ และช่องแช่เย็นสำหรับเก็บเครื่องดื่มต่างๆ ได้อีกด้วย ติดตั้งระบบ MBUX Interior Assist ที่สามารถยืดพนักพิงศีรษะขึ้นได้อัตโนมัติเมื่อมีผู้โดยสารตอนหลัง สามารถควบคุมม่านบังแดดหรือเปิด/ปิดประตูคู่หลังด้วยท่าทางมือ ราคาจำหน่าย Mercedes-Maybach S-Class 2021 ใหม่ รุ่น S 580 ราคา 164,565.10 ยูโร หรือประมาณ 6,320,000 บาท และ S 680 ราคา 217,323.75 ยูโร หรือประมาณ 8,350,000 บาท ในประเทศไทย มีการเปิดตัว Mercedes-Maybach S 560 Premium ไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2560 ในราคา 17.44 ล้านบาท