คลิพการเปิดตัว และแนะนำ MINI รุ่นปรับโฉม หลากหลายรุ่น โดย MINI Thailand
รูปทรงของ MINI (มีนี) ทั้ง 3 รูปแบบตัวถังได้รับการปรับโฉมเล็กน้อย โดยด้านหน้าของ MINI Cooper SE (มีนี คูเพอร์ เอสอี) MINI Cooper (ตัวถังแฮทช์แบค 3 ประตู และเปิดประทุน มีนี คูเพอร์) กับกระจังหน้าดีไซจ์น์ใหม่ในกรอบทรงหกเหลี่ยมสีดำมีขนาดใหญ่ขึ้น ขนาบข้างด้วยไฟหน้าทรงกลมเอกลักษณ์ของ MINI และแทนที่ไฟหรี่ด้วยช่องดักอากาศแนวตั้งทั้ง 2 ข้างของกันชน ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ส่วนตรงกลางของกันชนซึ่งเป็นตำแหน่งติดตั้งป้ายทะเบียนใช้สีเดียวกับตัวรถ ต่างจากรุ่นก่อนหน้าซึ่งเป็นสีดำ ซุ้มล้อใหม่สะดุดตายิ่งขึ้น กรอบไฟเลี้ยวด้านข้างมาในรูปแบบใหม่พร้อมไฟเลี้ยว LED ขณะที่ไฟตัดหมอกท้าย LED ทรงเรียวยาวฝังเป็นส่วนหนึ่งของกันชนหลังที่มีรูปทรงคมเข้มขึ้น จุดเปลี่ยนแปลงของ MINI โฉมล่าสุด คือ ไฟหน้า LED แบบใหม่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขอบของไฟหน้าใช้สีดำแทนโครเมียมแบบในรุ่นก่อนหน้านี้ ทำหน้าที่เป็นทั้งไฟส่องสว่างตอนกลางวัน และไฟเลี้ยว ระบบไฟแบบ Adaptive LED ปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย มาพร้อมระบบไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (Matrix high beam) และยังสามารถปรับองศาการส่องสว่างให้เหมาะสม แทนที่ไฟตัดหมอกดั้งเดิมอย่างได้ผล MINI Cooper SE ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 184 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Stage แบทเตอรีลิเธียม-ไอออนแรงดันสูง ซึ่งติดตั้งลึกเข้าไปบริเวณใต้รถ มีความจุทั้งหมด 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทำการสูงสุดที่ 203-234 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) ขณะที่ MINI รุ่นอื่นๆ ใช้เครื่องยนต์ตามนี้ MINI Cooper ใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 3 สูบเรียง ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ขณะที่ MINI Cooper S มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ส่วนตัวแรง MINI John Cooper Works มีกำลังสูงสุดขึ้นมาที่ 231 แรงม้า นอกจากนี้ ยังติดตั้งเทคโนโลยีควบคุมการปล่อยมลพิษ รวมถึงระบบกรองอนุภาคไอเสียในเครื่องยนต์เบนซิน ทำให้รถยนต์ MINI ทุกรุ่นผ่านมาตรฐานควบคุมมลพิษ Euro 6 เครื่องยนต์สันดาปของ MINI ด้วยเกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ Steptronic 7 จังหวะ ในขณะที่ตัวแรง MINI John Cooper Works ใช้เกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ Steptronic 8 จังหวะ การออกแบบภายในห้องโดยสารของ MINI โฉมล่าสุด มีความหรูหราทันสมัยยิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง แถบสีตกแต่งภายในห้องโดยสาร มาในสีเดียวกับเบาะนั่งเป็นมาตรฐาน และยังลดการใช้ชิ้นส่วนโครเมียมลงหลายจุด ช่องแอร์ทรงกลมทั้ง 2 ข้างมาในกรอบสีดำ ขณะที่ช่องแอร์ตรงกลางรถได้รับการออกแบบใหม่ให้กลมกลืนกับพื้นผิวภายใน แผงคอนโซลกลางติดตั้งจอภาพระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว พื้นผิวสีดำเงา Piano Black ปุ่มควบคุมระบบเสียง และปุ่มไฟฉุกเฉิน รวมเป็นหนึ่งเดียวในแผงควบคุมทรงกลม ล้อมรอบด้วยวงแหวนไฟ LED รับกับไฟสร้างบรรยากาศสลักลวดลายด้วยเลเซอร์ แป้นแพดเดิล ชิฟท์ สีดำล้วน สำหรับ MINI Cooper รุ่นปรับโฉมของตัวถังแฮทช์แบค 3 ประตู และเปิดประทุน ใช้พวงมาลัยหนังแท้ทรงสปอร์ทพร้อมปุ่มควบคุมมัลทิฟังค์ชัน การจัดวางปุ่มต่างๆ ได้รับการออกแบบใหม่ให้ควบคุมระบบเสียง การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ และระบบการสั่งงานด้วยเสียงได้ง่ายขึ้น ขณะที่ตัวแรง MINI John Cooper Works และ MINI Cooper SE จะตกแต่งห้องโดยสารด้วยชุดแต่ง MINI Yours มาพร้อมพวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa และแป้นพักนิ้วโป้งขนาดใหญ่ขึ้น หน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทอลเต็มรูปแบบ มีระบบ Connected Media แสดงผลผ่านจอสีแบบดิจิทอลในหน้าจอสีดำ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับ MINI Cooper SE ด้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่รวมถึงข้อมูลการตรวจสภาพรถ และสถานะการชาร์จพลังงานไฟฟ้า MINI ยังใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชันได้สะดวกยิ่งขึ้น กับ MINI App รุ่นใหม่ ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับรถยนต์ MINI ได้ตลอดเวลา เช่น การเรียกดูสถานะรถยนต์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทาง โดยสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชันใหม่นี้ได้จาก Google Play Store และ Apple App Store มาพร้อมอินเตอร์เฟศใหม่ที่ครอบคลุมการเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์มือถือ และรถยนต์ มีฟังค์ชันใหม่มากมาย เช่น การเรียกดูระดับน้ำมัน หรือสถานะการชาร์จได้จากระยะไกล ช่วยให้ผู้ใช้งานหาตำแหน่งปัจจุบันของรถ ลอค และปลดลอครถยนต์ แชร์เส้นทางสู่จุดหมายปลายทางจากแอพพลิเคชันในสมาร์ทโฟนไปยังระบบนำทางในรถได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังสามารถนัดหมายเข้ารับบริการบำรุงรักษาได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่าน MINI App นอกจากนี้ สำหรับ MINI Cooper SE ยังสามารถควบคุมการชาร์จได้จากระยะไกล ขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานยังสามารถควบคุมระบบปรับอากาศในรถผ่านแอพพลิเคชันได้จากระยะไกล เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางอีกด้วย ราคารถยนต์ MINI รุ่นปรับโฉม