Automobili Lamborghini (ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี) เผยโฉม Essenza SCV12 (เอสเซนซา เอสซีวี 12) รถแข่งไฮเพอร์คาร์ที่ถูกผลิตจำนวนจำกัดเพียงแค่ 40 คัน ซึ่งถูกพัฒนาโดยแผนกมอเตอร์สปอร์ท Lamborghini Squadra Corse และออกแบบโดย Lamborghini Centro Stile ทั้งนี้ Essenza SCV12 ได้สืบทอดดีเอนเอโดยตรงมาจากรถในตำนานอย่าง Miura Jota (มิอูรา โจตา) และ Diablo GTR (ดิอาบโล จีทีอาร์) ด้วยเครื่องยนต์ V12 NA ที่ทรงพลังที่สุด ร่วมกับหลักอากาศพลศาสตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งพโรโทไทพ์ และการออกแบบทางด้านเทคนิคใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่แบบสูงสุด
ฟรันเชสโก สการ์ดาโอนิ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Automobili Lamborghini กล่าวว่า Essenza SCV12 คือ ความตั้งใจของ Lamborghini ที่จะสร้างประสบการณ์การขับขี่สูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ V12 ที่เป็นตำนานของแบรนด์ Lamborghini เรามีความภาคภูมิใจที่จะได้ส่งต่อความตั้งใจนี้ให้แก่ผู้ที่หลงใหลในมอเตอร์สปอร์ท ทั้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และประเทศไทย
อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่าย และให้บริการหลังการขายซูเพอร์คาร์ Lamborghini อย่างเป็นทางการ กล่าวเสริมว่า Lamborghini นำเสนอล่าสุดใน Essenza SCV12 คือ ที่สุดแห่งการพัฒนารถเครื่องยนต์ V12 สำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ เป็นรถลิมิเทดเอดิชันที่มีเพียง 40 คันทั่วโลก ตอกย้ำเอกลักษณ์ความแรงของสมรรถนะซูเพอร์สปอร์ท Lamborghini ได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังพร้อมมอบประสบการณ์ความเอกซ์คลูซีฟผ่านโปรแกรมสุดพิเศษต่างๆ ให้แก่ท่านเจ้าของรถ สำหรับในประเทศไทยมีผู้ที่ให้ความสนใจทั้งด้านการใช้สมรรถนะรถในสนามแข่งขัน และบนท้องถนน Essenza SCV12 เป็นรถที่มีความโดดเด่นทางด้านสมรรถนะในสนามแข่งขัน และมีดีไซจ์นอันเป็นเอกลักษณ์ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ในสนามอย่างแท้จริง เรนาสโซ มอเตอร์ฯ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Automobili Lamborghini ได้ส่ง Essenza SCV12 มาโชว์ตัวที่ประเทศไทย
Born for the track
Essenza SCV12 นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยเครื่องยนต์ V12 สามารถสร้างแรงม้าได้สูงสุดที่ 830 แรงม้า ทำงานคู่กับระบบเกียร์ส่งกำลังแบบใหม่ X-trac Sequential 6 จังหวะ ซึ่งถูกติดตั้งให้เป็นส่วนหนึ่งของตัวแชสซีส์รถใกล้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งช่วยให้ประหยัดพื้นที่ ระบบท่อไอเสียได้รับการออกแบบพิเศษโดย Capristo เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้แก่ตัวรถ และยังช่วยให้เสียงเครื่องยนต์เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย
Essenza SCV12 มีแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่เพียง 1.66 แรงม้า/กก. ด้วยการใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งถูกออกแบบมาในรูปแบบของโมโนคอกที่มอบความปลอดภัยสูงสุดเช่นกัน ทำให้ Essenza SCV12 เป็นรถ GT (จีที) รุ่นแรกที่สร้างขึ้นมาภายใต้กฎเกณฑ์ของ FIA prototype
เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจในทุกสถานการณ์ ระบบกันสะเทือนแบบ Push-rod ถูกติดตั้งอยู่เหนือชุดเกียร์ของรถ เพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วในการบังคับเลี้ยว ยิ่งไปกว่านั้น Essenza SCV12 ยังมาพร้อมยางแบบสลิคบนล้อแมกนีเซียมขอบ 19 นิ้วในด้านหน้า และขอบ 20 นิ้วในด้านหลัง โดยระบบเบรคนั้นมีการร่วมพัฒนากับ Brembo Motorsport
เมาริซีโอ เรจจานนี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค Automobili Lamborghini ได้กล่าวไว้ว่า Essenza SCV12 คือ สัญลักษณ์ของแบรนด์ Lamborghini ด้วยการผสมผสานดีไซจ์นอันล้ำยุค และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ส่งผลให้ Essenza SCV12 เป็นรถที่เกิดขึ้นมาเพื่อการแข่งขันในสนามแข่งโดยแท้จริง
Aerodynamics
ด้วยประสบการณ์อันยาวนานของทีมแข่งรถในรุ่น GT ของ Lamborghini Squadra Corse ทำให้หลักอากาศพลศาสตร์ของ Essenza SCV12 มีแรงกด 1,200 กก. ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. ซึ่งมากกว่ารถแข่ง GT3 (จีที 3) อย่างมาก
ฝากระโปรงด้านหน้ามีช่องดักอากาศแบบ 2 ช่อง โดยจะแบ่งลมร้อน และเย็น เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องยนต์ โดยลิ้นด้านหน้าตัวรถช่วยในเรื่องของการลำเลียงอากาศ หรือลมเย็น ไปยังห้องเครื่อง และระบบเกียร์ นอกจากนี้ ตัวรถยังได้รับการออกแบบให้สปอยเลอร์ด้านท้ายสามารถปรับได้ 2 ระดับ
Design
Essenza SCV12 ถูกออกแบบโดย Lamborghini Centro Stile ที่มีผลงานการออกแบบรถแข่งคันอื่นๆ โดยตัวรถนั้นมีโครงสร้างหลักเพียง 3 ชิ้น ช่วยให้ง่ายต่อการเปลี่ยนในขณะทำการแข่งขัน
ตัวรถนั้นได้รวบรวมความเป็นรถแข่งพโรโทไทพ์ และลักษณะเอกลักษณ์ของทาง Lamborghini โดยการนำรูปทรงหกเหลี่ยมเข้ามาอยู่ในการดีไซจ์นไฟหน้า ช่องรับลม และช่องแอร์ รวมถึงการนำสัญลักษณ์รูปตัว “Y” มาใช้ทั้งบริเวณภายนอก และภายในของรถ
รูปทรงของพวงมาลัยนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง Formula 1 เพื่อการใช้งานที่ง่าย และให้การควบคุมที่ดีเยี่ยม ในส่วนของเบาะนั้นได้ร่วมพัฒนากับ OMP ซึ่งใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อความปลอดภัย และได้รับการรองรับจาก FIA
มิทจา โบร์เคิร์ต หัวหน้า Lamborghini Centro Stile ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผมตื่นเต้นมากๆ ตอนที่เราเริ่มผลิต Essenza SCV12 เพราะมัน คือ รถที่แตกต่างจากสิ่งที่เราเคยทำมาทุกอย่างในมุมมองของรถแข่ง พร้อมยังคงความเป็น Lamborghini อยู่นั้นเป็นสิ่งที่วิเศษมากๆ Essenza SCV12 ให้ความสำคัญกับประวัติของการแข่งขันทั้งในอดีต และปัจจุบันของ Lamborghini โดยได้นำเทคโนลียีของ Huracan Super Trofeo EVO (อูรากัน ซูเพอร์ ตโรเฟโอ เอโว) และ GT3 EVO (จีที 3 เอโว) มาใช้ เช่น สปอยเลอร์หลัง ลิ้นหน้า และลิ้นด้านข้างของตัวรถ
Driving experience
ผู้ที่ครอบครองรถ Essenza SCV12 จะได้รับเอกสิทธิ์พิเศษในการเข้าร่วมโปรแกรมการขับขี่รถจากทางทีม Lamborghini Squadra Corse Drivers Lab ที่จะนำเสนอโปรแกรมการขับขี่ไฮเพอร์คาร์ Essenza SCV12 ในสนามแข่งขันที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก โดยรถแต่ละคันนั้นจะได้รับการดูแลพิเศษ และมีโรงจอดรถส่วนตัวโดยเฉพาะ ซึ่งท่านเจ้าของรถสามารถดูตัวรถผ่านแอพพลิเคชัน ได้ 24 ชั่วโมง
สำหรับโปรแกรมสุดเอกซ์คลูซีฟที่จะจัดขึ้นในสนามแข่งขัน FIA Grade 1 Homologated เป็นครั้งแรกในปี 2021 นี้ จะเริ่มต้นด้วยกิจกรรม “Arrive and Drive” นำโดย เอมมานูเอล ปีร์โร แชมพ์ 5 สมัยของการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans และผู้ดูแลการเรียนการสอนขับรถสำหรับลูกค้า รวมถึง มาร์โก มาเปลลี นักแข่งจากทีมโรงงาน Lamborghini Squadra Corse ที่ดูแลสนับสนุนกิจกรรมนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของ Squadra Corse
โจร์โจ ซันนา หัวหน้าด้านมอเตอร์สปอร์ทของ Lamborghini กล่าวว่า Essenza SCV12 คือ รถที่ให้มากกว่าสมรรถนะการขับขี่ในสนาม และอารมณ์การขับขี่ในสนาม เราอยากให้เจ้าของ Essenza SCV12 ได้รับรู้ถึงอารมณ์ และสมรรถนะการขับขี่นอกสนามแข่ง เพราะทาง Lamborghini ได้มอบการบริการด้านการปรับแต่งรถได้อย่างเต็มที่ โดยเจ้าของรถ Essenza SCV12 จะได้สัมผัสประสบการณ์การดูแลต้อนรับจาก Lamborghini ประเทศอิตาลี ที่จะสร้างความโดดเด่น และความแตกต่างให้แก่ Essenza SCV12 แต่ละคัน ตอกย้ำแนวทางของ Lamborghini Squadra Corse