รถล่าสุด
Honda Accord ปรับชื่อ เพิ่มของ น่าลองกว่าเดิม (ราคา 1,499,000-1,799,000 บาท)
Honda Accord (ฮอนดา แอคคอร์ด) ปรับปรุงอุปกรณ์ให้ครอบคลุมกว่าเดิม พร้อมการเรียกชื่อใหม่ เริ่มตั้งแต่รุ่น EL (กับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร) ส่วนรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด จะมีชื่อต่อท้ายว่า e:HEV โดยทุกรุ่นย่อยมาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing ซึ่งเป็นการผสานการทำงานของเรดาร์ และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน และช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่รวมทั้งควบคุมรถ มอบความมั่นใจในทุกการเดินทาง ได้แก่
เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียมในรุ่นทอพ e:HEV Tech อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรค (Honda Smart Parking Assist System) พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยอื่นๆ เช่น ระบบเบรคมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda Lane Watch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ระบบลอครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
เส้นสายภายนอกมาในสไตล์สปอร์ทผสมความหรูหรา โดดเด่นด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียว และเฉียบคม โดยทุกรุ่นมาพร้อมกระจังหน้าแบบโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED เสริมความสปอร์ทยิ่งขึ้นด้วยท่อไอเสียคู่พร้อมปลอกท่อไอเสียสเตนเลส (เฉพาะรุ่น EL) ตอกย้ำเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยนตรกรรมไฮบริดในรุ่น e:HEV ด้วย โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย มาพร้อมล้อแมกขนาด 17 นิ้วในรุ่น EL และขนาด 18 นิ้วในรุ่น e:HEV เสริมความสปอร์ทด้วยสปอยเลอร์หลัง และเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยซันรูฟพร้อมระบบ One-Touch (เฉพาะรุ่น e:HEV TECH)
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่งโล่ง ผสานดีไซน์ความหรูหราและประณีตไว้ได้อย่างลงตัว เบาะหนังดีไซจน์พรีเมียมสีน้ำตาล และสีดำ พร้อมชุดตกแต่งลายไม้ มอบความสะดวกสบายสูงสุดด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยที่ครบครัน สมบูรณ์แบบในทุกการเดินทาง อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศ Plasmacluster Technology (เฉพาะรุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV Tech) ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า Head-up Display: HUD (เฉพาะรุ่น e:HEV Tech) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ (Memory Seat with Easy Entry/Exit) พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังค์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมที่เพิ่มเติมเข้ามาให้ครบครันในรุ่นเริ่มต้น (รุ่น EL) อาทิ
รุ่น e:HEV ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน กำลังสูงสุด 215 แรงม้า จากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. โดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยถึง 24.4 กม./ลิตร อีกทั้งมีค่าไอเสียเฉลี่ยต่ำเพียง 97 กรัม/กม. โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) อีกทั้งผู้ขับขี่สามารถกดสวิตช์เลือกควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Mode) เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Honda Accord ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ท (Sport Mode) ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงอารมณ์สปอร์ตได้อย่างแท้จริง ตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างเร้าใจ โดยสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์ โดยสัญลักษณ์ Sport จะแสดงขึ้นบนมาตรวัดในขณะที่ใช้ระบบ หรือเลือกใช้ระบบ ECON Mode ที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน อีกทั้งปรับการทำงานของระบบปรับอากาศ และการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม ทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับบริการหลังการขาย Honda Accord มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเบื้องต้นในระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร* รวมเริ่มต้นเพียง 23,196 บาท* อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเชคระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ Honda Ultimate Care ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กม. ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กม. แรกสิ้นสุดลง รวมสูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชม. (Honda 24hr Roadside Assistance) เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นใน Honda Accord e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบทเตอรีของไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*
Honda Accord ทุกรุ่น มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีใหม่ สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีขาวพแลทินัม (มุก) และ สีดำคริสทัล (มุก) ที่มาพร้อมสีภายในห้องโดยสารสีน้ำตาล และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิค) ที่มาพร้อมสีภายในห้องโดยสารสีดำ โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่
Honda Accord มาพร้อมข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น สำหรับลูกค้าที่จอง และรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 – 30 กันยายน 2564 รับดอกเบี้ย 0.99% สำหรับ Accord รุ่น e:HEV EL+ และ รุ่น e:HEV Tech หรือ ดอกเบี้ย 1.99% สำหรับ Accord รุ่น EL โดยทุกรุ่นมาพร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
ผู้สนใจสามารถสัมผัส Honda Accord ได้ที่โชว์รูม Honda ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูม หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซท์ www.honda.co.th ติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร. 0-2341-7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/accord
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรค (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบเตือน และช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียมในรุ่นทอพ e:HEV Tech อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรค (Honda Smart Parking Assist System) พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยอื่นๆ เช่น ระบบเบรคมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda Lane Watch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ระบบลอครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
เส้นสายภายนอกมาในสไตล์สปอร์ทผสมความหรูหรา โดดเด่นด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียว และเฉียบคม โดยทุกรุ่นมาพร้อมกระจังหน้าแบบโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED เสริมความสปอร์ทยิ่งขึ้นด้วยท่อไอเสียคู่พร้อมปลอกท่อไอเสียสเตนเลส (เฉพาะรุ่น EL) ตอกย้ำเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยนตรกรรมไฮบริดในรุ่น e:HEV ด้วย โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย มาพร้อมล้อแมกขนาด 17 นิ้วในรุ่น EL และขนาด 18 นิ้วในรุ่น e:HEV เสริมความสปอร์ทด้วยสปอยเลอร์หลัง และเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยซันรูฟพร้อมระบบ One-Touch (เฉพาะรุ่น e:HEV TECH)
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่งโล่ง ผสานดีไซน์ความหรูหราและประณีตไว้ได้อย่างลงตัว เบาะหนังดีไซจน์พรีเมียมสีน้ำตาล และสีดำ พร้อมชุดตกแต่งลายไม้ มอบความสะดวกสบายสูงสุดด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยที่ครบครัน สมบูรณ์แบบในทุกการเดินทาง อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศ Plasmacluster Technology (เฉพาะรุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV Tech) ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า Head-up Display: HUD (เฉพาะรุ่น e:HEV Tech) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ (Memory Seat with Easy Entry/Exit) พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังค์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมที่เพิ่มเติมเข้ามาให้ครบครันในรุ่นเริ่มต้น (รุ่น EL) อาทิ
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rearview Mirror)
- ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง (Rear Door Window Sunshades)
- ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (2 Rear USB Ports)
- Honda Connect เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่ และรถยนต์ ทำงานผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- Honda Accord มาพร้อมกับ 2 ขุมพลังการขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง ได้แก่
รุ่น e:HEV ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน กำลังสูงสุด 215 แรงม้า จากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. โดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยถึง 24.4 กม./ลิตร อีกทั้งมีค่าไอเสียเฉลี่ยต่ำเพียง 97 กรัม/กม. โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) อีกทั้งผู้ขับขี่สามารถกดสวิตช์เลือกควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Mode) เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Honda Accord ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ท (Sport Mode) ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงอารมณ์สปอร์ตได้อย่างแท้จริง ตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างเร้าใจ โดยสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์ โดยสัญลักษณ์ Sport จะแสดงขึ้นบนมาตรวัดในขณะที่ใช้ระบบ หรือเลือกใช้ระบบ ECON Mode ที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน อีกทั้งปรับการทำงานของระบบปรับอากาศ และการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม ทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับบริการหลังการขาย Honda Accord มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเบื้องต้นในระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร* รวมเริ่มต้นเพียง 23,196 บาท* อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเชคระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ Honda Ultimate Care ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กม. ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กม. แรกสิ้นสุดลง รวมสูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชม. (Honda 24hr Roadside Assistance) เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นใน Honda Accord e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบทเตอรีของไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*
Honda Accord ทุกรุ่น มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีใหม่ สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีขาวพแลทินัม (มุก) และ สีดำคริสทัล (มุก) ที่มาพร้อมสีภายในห้องโดยสารสีน้ำตาล และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิค) ที่มาพร้อมสีภายในห้องโดยสารสีดำ โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่
- รุ่น EL ราคา 1,499,000 บาท
- รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,639,000 บาท
- รุ่น e:HEV Tech ราคา 1,799,000 บาท
Honda Accord มาพร้อมข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น สำหรับลูกค้าที่จอง และรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 – 30 กันยายน 2564 รับดอกเบี้ย 0.99% สำหรับ Accord รุ่น e:HEV EL+ และ รุ่น e:HEV Tech หรือ ดอกเบี้ย 1.99% สำหรับ Accord รุ่น EL โดยทุกรุ่นมาพร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
ผู้สนใจสามารถสัมผัส Honda Accord ได้ที่โชว์รูม Honda ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูม หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซท์ www.honda.co.th ติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร. 0-2341-7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/accord
Share
ABOUT THE AUTHOR
ภูเขม หน่อสวรรค์
คอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)
