ธุรกิจ
Volvo Trucks เปิดตัวรถบรรทุกเจเนอเรชันใหม่
Volvo Trucks (โวลโว ทรัคส์) เปิดตัวรถบรรทุกสำหรับงานหนักรุ่นใหม่ 4 รุ่น โดยเน้นที่สภาพแวดล้อมของผู้ขับขี่ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพการทำงาน
เอริค ลาบัท ประธานของ Volvo Trucks ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจภาคขนส่ง หรือ Logistics ทั่วโลก มีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยการเปลี่ยนแปลงไปของโลก และการปรับตัวสู่ New Normal ซึ่งมีผลต่อปัญหาขาดแคลนพนักงานขับรถที่มีทักษะสูงสำหรับบริษัทขนส่ง ด้วยเหตุนี้ Volvo Trucks จึงได้ตั้งเป้าหมายในการสนับสนุนลูกค้าที่จะสรรหา รักษาพนักงานขับรถที่ดี และมีคุณภาพที่สุดไว้กับองค์กร จึงเป็นที่มาของการพัฒนารถบรรทุกรุ่นใหม่ให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้นเพื่อให้พนักงานขับรถได้ความสะดวกสบายจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับเพิ่มความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจในการขนส่งสินค้าไปยังเป้าหมาย ซึ่งจะสร้างความมั่นใจแก่พนักงานขับรถ และเป็นการดึงดูดให้ทำงานร่วมกับองค์กรอย่างมั่นคง และยั่งยืน
Volvo Trucks เข้าใจดีว่าพนักงานขับรถที่สามารถขับรถบรรทุกได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพถือเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่าสำหรับบริษัทขนส่งทุกประเภท พฤติกรรมการขับขี่ที่มีความรับผิดชอบสามารถช่วยลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ และต้น ทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และลดการหยุดวิ่งงานโดยไม่ได้วางแผนลงได้ ดังนั้น กลุ่มผลิต ภัณฑ์ใหม่นี้จึงได้รับการพัฒนาโดยมุ่งเน้นไปในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของผู้ขับขี่ เสริมความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของยานพาหนะ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพสูงกว่ารถบรรทุกรุ่นก่อนๆ
สำหรับรถบรรทุกรุ่นใหม่ที่เปิดตัว ประกอบด้วย Volvo FM (โวลโว เอฟเอม) และ Volvo FMX (โวลโว เอฟเอมเอกซ์) ใหม่มาพร้อมกับห้องโดยสารแบบใหม่ และมีฟังค์ชันการแสดงผลบนหน้าปัดคล้ายคลึงกับรถบรรทุก Volvo (โวลโว) รุ่นที่ใหญ่กว่า ปริมาตรภาย ในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้นถึง 1 ลูกบาศก์เมตรมอบความสะดวกสบาย และพื้นที่ในการทำงานที่กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมให้ทัศนวิสัยดียิ่งขึ้นด้วยหน้าต่างบานใหญ่ แนวขอบประตูที่ต่ำกว่าเดิม และแผงกระจกใหม่ คอพวงมาลัยที่ปรับเอียงได้ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับตำแหน่งการขับขี่ให้เหมาะสมที่สุดได้
หัวเก๋งพร้อมที่นอน (Sleeper Cab) ใหม่ ได้รับการปรับปรุงให้มีเตียงยกสูงขึ้น และเพิ่มพื้นที่เก็บของ ซึ่งรวมถึงช่องเก็บของขนาดใหญ่ใต้เตียง และช่องเก็บของด้านหลังชั้นบนพร้อมแผงไฟ แอลอีดีในแผงกั้นระหว่างช่อง การลุกจากที่นั่งคนขับไปที่เตียงทำได้ง่ายกว่าเดิม เนื่องจากมีคันเกียร์ I-Shift แบบใหม่ที่เล็กลง และออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ความสะดวกสบายของห้องโดยสารได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นด้วยฉนวนเสริมที่ช่วยป้องกันความร้อน และเสียงรบกวนจากภายนอก
รับประกันด้วยรางวัล Red Dot Award 2021 จากคุณภาพการออกแบบที่โดดเด่น-Volvo FM มีความโดดเด่น และเริ่มได้รับการยอม รับในระดับสากลในฐานะหนึ่งในตราประทับด้านคุณภาพสำหรับการออกแบบที่ดี การได้รับรางวัลนี้ตอกย้ำถึงการออกแบบที่สมดุลและเต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอยภายในห้องโดยสารของ Volvo FM รวมถึงความสามารถในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจให้แก่ลูกค้า ยังมอบความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นด้วย
พื้นที่รอบตัวผู้ขับขี่มีอินเตอร์เฟศใหม่หมดทั้งการแสดงข้อมูล และการสื่อสาร โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ขับขี่เห็นภาพรวม และจัดการฟังค์ชันต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ช่วยลดความเครียด และสิ่งรบกวนต่างๆ จอแสดงผลบนหน้าปัดเป็นแบบดิจิทอลทั้งหมด โดยมีหน้าจอขนาด 12 นิ้วที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกข้อมูลที่ต้องการได้สะดวก อีกทั้งจอแสดงผลด้านข้างขนาด 9 นิ้ว สำหรับระบบสาระบันเทิง ระบบนำทาง ข้อมูลการขนส่ง และกล้องตรวจสอบ การควบคุมฟังค์ชันต่างๆ สั่งงานได้จากปุ่มบนพวงมาลัย สั่งงานผ่านหน้าจอสัมผัส และแผงควบคุมการแสดงผลก็ได้
การขับขี่มีความสะดวกสบาย และปลอดภัยขึ้นด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC) ที่ทำงานได้จนถึงความเร็วที่ 0 กม./ชม. และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบดาวน์ฮิลล์ (Downhill Cruise Control) ที่สั่งงานเบรคล้อ โดยอัตโนมัติเมื่อจำเป็นต้องใช้แรงเบรคเป็นพิเศษเพื่อรักษาความเร็วขณะขับลงทางลาดให้คงที่ ระบบเบรคอีเลคทรอนิคส์ (Electronically Controlled Brake System: EBS) ซึ่งเป็นระบบเบื้องต้นที่ทำงานร่วมกับคุณลักษณะด้านความปลอดภัยอื่นๆ เช่น การเตือนการชนด้านหน้าพร้อมเบรคฉุกเฉิน (Collision Warning with Emergency Brake) และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวแบบอีเลคทรอนิคส์ (Electronic Stability Control) ทั้งหมดนี้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถบรรทุกใหม่ ตั้งแต่รุ่น Volvo FM13 (โวลโว เอฟเอม 13) ขึ้นไป ส่วนระบบพวงมาลัย Volvo Dynamic Steering พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อขับขี่ออกนอกช่องทางและควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Lane Keeping Assist and Stability Assist) มีให้เลือกเป็นอุปกรณ์เสริม และทัศนวิสัยได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นโดยการเพิ่มกล้องมุมฝั่งผู้โดยสาร (Passenger Corner Camera) ซึ่งช่วยเสริมมุมมองด้านข้างรถบรรทุกผ่านหน้าจอแสดงผลด้านข้าง
รูปแบบของระบบขับเคลื่อน และแชสซีส์ที่หลากหลายทำให้รถบรรทุกรุ่นใหม่นี้สามารถปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน และประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้นสำหรับงานประเภทต่างๆ นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะต่างๆ เช่น ระบบเสริมแรงบิด Volvo Torque Assist และซอฟท์แวร์ใหม่ในเกียร์ Volvo I-Shift ที่ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น
สำหรับรถบรรทุกรุ่นใหม่นี้ Volvo Trucks ได้พัฒนาระบบ Volvo Connect ซึ่งเป็นโซลูชันดิจิทอลที่มีความยืดหยุ่น เพื่อรองรับธุรกิจขนส่งในทุกด้านโดยเชื่อมต่อฟังค์ชัน และแอพพลิเคชันที่สำคัญไว้ในพแลทฟอร์มเดียวเพื่อให้ใช้งานง่าย
ลูกค้าสามารถเข้าใช้ Volvo Connect ได้ทุกที่ทุกเวลาจากอุปกรณ์ และขนาดหน้าจอที่หลากหลาย อินเตอร์เฟศที่ใช้งานง่ายช่วยให้ผู้ใช้วางแผนเส้นทาง จัดสรรเวลาขับขี่ เวลาพักผ่อน และตรวจสอบตำแหน่งของรถบรรทุกเพื่อติดตามความคืบหน้าได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังง่ายสำหรับการค้นหากำหนดเข้ารับบริการ ตรวจสอบประวัติการซ่อมแซม และบำรุงรักษา จึงช่วยลดการหยุดรถโดยไม่ได้วางแผน และทำให้รถบรรทุกพร้อมวิ่งทำงานได้เต็มที่ตลอดเวลา
Volvo Trucks ยังมีแผนสัญญาบริการอีกด้วย ซึ่งเป็นแผนบริการที่สามารถปรับให้เหมาะกับรถบรรทุกของคุณ และออกแบบมาเพื่อให้รถบรรทุกทำงานได้อย่างต่อเนื่องเพื่อผลกำไรของลูกค้า
“เพื่อเป็นการฉลองการเปิดตัวครั้งนี้ เราจะมีข้อเสนอพิเศษสำหรับสั่งซื้อรถบรรทุกใหม่มอบให้ทุกท่านที่สนใจ และผมรับรองได้ว่าทุกท่านจะสามารถวางใจได้กับการบริการลูกค้าอย่างเป็นกันเอง และมืออาชีพจากเครือข่ายตัวแทนศูนย์บริการ ทั้ง 15 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเรามีแผนจะขยายตัวแทนศูนย์บริการเพิ่มเป็น 18 แห่งทั่วประเทศในต้นปี 2565 อีกด้วย”
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/381089