Ducati ประเทศไทย เปิดตัว All New Monster (มอนสเตอร์) ใหม่ เสริมทัพ ชูจุดเด่นของ Naked Bike ในตำนาน น้ำหนักเบา อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ขับขี่สนุกเท่าที่ Ducati (ดูกาตี) เคยมีมา มั่นใจตอบโจทย์เหล่าไบเคอร์ที่ชอบความท้าทาย และกระหายที่จะปลดปล่อยความเป็น Monster เปิดราคาสุดเร้าใจ เริ่มต้นที่ 449,000 บาท
กฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Ducati อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวว่า Ducati Monster เป็นรถรุ่นที่ได้รับความนิยม และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ผ่านมา โดยสร้างสถิติผลิต และจำหน่ายสู่ท้องตลาดไปแล้วถึงกว่า 350,000 คันทั่วโลก โดยการแนะนำ All New Monster จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ตอกย้ำความสำเร็จในการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี และความปลอดภัยที่ก้าวล้ำของรถจักรยานยนต์ Ducati ด้วยน้ำหนักตัวรถที่ลดไปถึง 18 กิโลกรัม ดีไซจ์นที่ปรับให้ทันสมัย และตอบรับกับรูปทรงที่ปราดเปรียวคล่องตัว แต่ยังคงความเท่ แบบอิตาเลียนดีไซจ์นไว้ได้อย่างครบถ้วน มั่นใจว่า All New Monster จะให้ประสบการณ์ที่สนุก และแปลกใหม่ ดังคอนเซพท์ I AM A MONSTER
นอกจากนี้ ปลายปี Ducati ประเทศไทย พร้อมเปิดให้บริการโชว์รูมแห่งใหม่กับลูกค้าในโซนฝั่งธน เริ่มจาก Ducati สาขาราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นโชว์รูม และศูนย์บริการครบวงจร ทั้งงานขาย และบริการหลังการขาย มีพื้นที่ 270 ตรม. มีเบย์เซอร์วิศ 3 เบย์ และสามารถโชว์รถได้มากกว่า 10 คัน รวมไปถึงในอนาคตอันใกล้นี้ ทาง Ducati ประเทศไทย ยังมีแผนเปิดศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั้งในภาคอีสาน พัทยา เชียงใหม่ รวมไปถึง หาดใหญ่ เพื่อเป็นการรองรับ Biker Community ได้อย่างทั่วถึง
มาร์โค บิออนดิ รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Ducati ประจำตลาดเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า Monster ใหม่ คือ ดาวเด่นของทุกคนที่อยู่ในเมือง Borgo Panigale อย่างแท้จริง ด้วยสถิติยอดขายกว่า 350,000 คัน ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวในปี 1993 Monster นับเป็นรุ่นที่สร้างความภาคภูมิใจ และบันทึกประวัติศาสตร์ความสำเร็จครั้งสำคัญของ Ducati โดยเป็นรุ่นที่ขายดี และทำยอดขายสูงสุดตั้งแต่เปิดตัว Ducati มา สำหรับรุ่นล่าสุด All New Monster ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคัน ให้มีความโดดเด่น และเยี่ยมยอดในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะความสปอร์ท น้ำหนักเบาขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น และให้ความสนุกสนานในการขับขี่สุดๆ ซึ่งจากการเปิดตัวในภูมิภาคอื่นของโลกได้รับตอบรับอย่างเนืองแน่น ผมจึงมั่นใจว่า All New Monster ที่เปิดตัวในวันนี้ จะได้รับการต้อนรับ และความนิยมจากไบเคอร์ในประเทศไทยอย่างร้อนแรง และสามารถสร้างความสำเร็จด้านยอดขายด้วยเช่นกัน
ดอม เหตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด เปิดเผยถึงความโดดเด่นของ All New Monster ว่า นอกจากสมรรถนะที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 937 ซีซี 111 แรงม้า และแรงบิด 93 นิวตัน-เมตร และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เยี่ยมยอดและเหนือชั้นมากขึ้นแล้ว All New Monster ยังเป็นบิกไบค์ที่รวบรวมความสนุกในการขับขี่ไว้ให้ไบเคอร์อย่างเต็มเปี่ยม โดยอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความคล่องตัวสูง มีน้ำหนักที่เบาที่สุด คือ เพียง 166 กิโลกรัม ลดลงจากรุ่น Monster 821 ไปถึง 18 กิโลกรัม ถือได้ว่าเป็นน้ำหนักที่ดี และเหมาะสมมากสำหรับรถกลุ่มเดียวกัน และยังทำน้ำหนักได้ดีใกล้เคียงกับกลุ่มรถสปอร์ทตัวจริงอย่าง Panigale V4 Superleggera (ปานิกาเล วี 4 ซูเพอร์เลกเกรา) อีกด้วย
ทั้งนี้ น้ำหนักที่ลดลงได้มากถึง 18 กิโลกรัม ของ All New Monster เป็นผลมาจาก
1. ชุดเครื่องยนต์ถูกปรับปรุง และดีไซจ์นใหม่ ใช้เครื่องยนต์แบบ L-Twin Desmodromic Valve Testastretta 11˚ทำให้มีน้ำหนักลดลงไปถึง 2.4 กิโลกรัม 2. ล้ออลูมิเนียมอัลลอยดีไซจ์นใหม่ ทำให้มีน้ำหนักลดลงไปถึง 1.7 กิโลกรัม 3. Double Side Swingarm ได้รับการพัฒนาทำให้มีน้ำหนักลดลงไปถึง 1.6 กิโลกรัม แต่ยังคงความแข็งแรงไว้ได้อย่างดี 4. และเพื่อความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น New Monster ได้รับการถ่ายทอดจากเทคโนโลยีทางสนามแข่ง MotoGP นั่นคือ เฟรมแบบ Monocoque จึงทำให้มีน้ำหนักลดลงไปถึง 4.5 กิโลกรัม 5. ซับเฟรมด้านหลังใช้วัสดุ Glass Fiber Reinforced Polymer จึงทำให้มีน้ำหนักที่เบามากขึ้น 1.9 กิโลกรัม
All New Monster ได้รับการออกแบบ และพัฒนาสรีระท่านั่งในการขับขี่เพื่อลดความเหนื่อยล้า จึงให้ความมั่นใจ และความสบายในการขับขี่ที่มากกว่า โดยเบาะมีความสูงที่ 775 มม. (มาตรฐาน) และ 820 มม. (อุปกรณ์เสริม) แฮนด์บาร์มีการปรับระยะให้เข้าหาตัวผู้ขับขี่มากขึ้น ที่พักเท้าถูกปรับองศาให้มีความกระชับ และสบายมากขึ้น
All New Monster เป็นรถที่ได้ชื่อว่าขับขี่คล่องตัว และยังคงไว้ซึ่งความสนุก รูปทรงปราดเปรียว แต่ยังคงกลิ่นอายของอิตาเลียนดีไซจ์น มาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้งหมด 3 โหมด คือ Sport, Touring และ Urban ขณะที่เทคโนโลยีความปลอดภัยได้รับการพัฒนาให้ก้าวล้ำดีมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และใช้งานง่ายขึ้น เช่น
- Cornering ABS (เฉพาะล้อหน้า) ระบบที่ช่วยปรับแรงดันน้ำมันเบรคให้เหมาะสม โดยเซนเซอร์จะทำงานตรวจวัดการเอียงของรถในขณะเข้าโค้ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรคในโค้งให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
- Traction Control ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของตัวรถ เมื่อรถเกิดการลื่นไถล หรือสูญเสียการควบคุม ระบบนี้ก็จะเข้ามาช่วยผู้ขับขี่ในเสี้ยววินาที
- Wheelie Control ระบบควบคุมการยกของล้อหน้า และหลัง
- Launch Control เทคโนโลยีจากสนามแข่ง MotoGP ถูกเพิ่มเติมขึ้นมาใน New Monster ครั้งแรก ช่วยควบคุมการออกตัวรถด้วยความเร็วสูงอย่างมีเสถียรภาพ
- Quickshifter up & down ระบบเปลี่ยนเกียร์ทั้งขึ้น และลง โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ สร้างความสะดวกสบาย และสนุกอย่างไร้รอยต่อกับผู้ขับขี่
ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทแม่ All New Monster มาถึงประเทศไทยแล้วอย่างรวดเร็ว และพร้อมเปิดจองทันทีในราคาที่ตั้งมาแบบท้าชนรถคู่แข่งในคลาสส์เดียวกัน มีให้เลือก 2 สี คือ Monster Red ราคา 449,000 บาท และ Monster Aviator Grey ราคา 453, 000 บาท สามารถจองได้ที่โชว์รูม Ducati ทุกแห่ง หรือจองพิเศษผ่านช่องทาง Lazada พันธมิตรของ Ducati เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึง All New Monster ได้ง่าย รวดเร็ว และไม่ตกทเรนด์ พร้อมให้สิทธิพิเศษเพิ่มเติม คือ จอง All New Monster ในราคาเพียง 5,000 บาท* เท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน-15 ตุลาคม นี้เท่านั้น *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
พร้อมกันนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจ และเลือกมาสัมผัสกับความสนุก All New Monster อย่างไม่ลังเลใจ นอกจากจัดราคาแบบท้าชนแล้ว Ducati ประเทศไทย ยังจัดแคมเปญพิเศษให้เพิ่มอีกต่างหาก กับดอกเบี้ยพิเศษ 0 % นาน 4 ปี ฟรีค่าจดทะเบียน และ พรบ. หรือเลือกผ่อนสบายๆ เพียงเดือนละ 7,016 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีแบบดาวน์เพียงแค่ 67,350 บาท พร้อมรับประกันตัวรถ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีค่าบำรุงรักษา 2 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร และให้ประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี และฟรีค่าจดทะเบียน และ พรบ.
นอกจาก All New Monster ที่สามารถโลดแล่นเป็นเพื่อนคู่ใจเหล่าไบเคอร์ในการขับขี่ท่องไปในเมืองได้อย่างสนุก และคล่องตัวแล้ว Ducati ประเทศไทย ยังแนะนำ Hypermotard 950 (ไฮเพอร์โมตาร์ด 950) ที่คุณภาพอัดแน่น พร้อมเป็นเพื่อนท้าให้ขับขี่สนุกในทุกเวลาด้วย รวมถึงหากจะพาลงไปโลดแล่นในทแรคสั้นๆ ทั้ง 2 รุ่นนี้ ก็สามารถสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ได้ไม่แพ้กัน