เวบไซท์ Auto car รายงานว่า รถไฟฟ้า Nissan Leaf จะมีผู้สืบทอดในรูปแบบรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ไฟฟ้า ขนาดเล็ก ได้สัมภาษณ์ Guillaume Cartier หัวหน้าฝ่ายบริหาร Nissan ยุโรป ที่ระบุว่า รถที่จะมาแทน Leaf มีกำหนดออกสู่ตลาดในปี 2568 ตามแผนงานที่ต้องการให้มีการผลิตรถยนต์ในประเทศอังกฤษแต่ปัญหาอาจกระทบไปถึงสหรัฐอเมริกา และอเมริกาเหนือ เพราะหาก Nissan จะระงับแผนการผลิตรถยนต์แฮทช์แบคสำหรับยุโรป ก็ต้องระงับที่สหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน แต่ผลกำไรจากการจำหน่ายรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี คงเป็นสิ่งที่ทำให้โฆษกของ Nissan ไม่สามารถตอบคำถามตามข่าวที่ปรากฏได้ในทันที ปัจจุบัน Nissan ขึ้นสายการผลิต Leaf อยู่ใน สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ และญี่ปุ่น แต่ข่าวที่ปรากฏ นับเป็นเรื่องที่น่าพิจารณาเพราะ Nissan Leaf ไม่ได้เป็นรถที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดย 8 เดือนของปีนี้ มียอดจดทะเบียนเพียง 10,238 คัน เมื่อเทียบกับ Chevrolet Bolt ทำได้ 22,799 คัน และ Tesla Model Y ทำได้ 15,445 คัน แม้ว่ารถไฟฟ้ารุ่นใหม่ Ariya ที่เข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือ และยังไม่มั่นใจว่าจะได้รับความนิยมสักเท่าใด ขณะเดียวกัน Nissan ก็ดึงเวลาแนะนำ Ariya ไปเป็นปี 2565 เพราะความขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ ทั้งที่ควรจะได้เวลาแนะนำรถไปแล้ว แต่กำหนดก็ล่าช้าไปจนถึงต้นปีหน้า อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของ Leaf จะเป็นรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ไฟฟ้า ที่จะขึ้นสายการผลิตที่โรงงานซันเดอร์แลนด์ โดยใช้โครงสร้างพื้นฐาน CMF-EV ของรถพันธมิตร และใช้ใน Nissan Ariya กับ Renault Megane EV ที่เตรียมขึ้นสายการผลิตในปี 2568 Nissan Leaf ถือเป็นรถไฟฟ้ารุ่นบุกเบิกของค่าย Nissan ไม่เป็นเพียงรถไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังสร้างชื่อเสียงให้อย่างมาก และกลับเป็นว่า แม้จะชิงความได้เปรียบในวงการรถไฟฟ้า แต่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องกลับเชื่องช้าอย่างมาก รถที่จะมาแทน Leaf อาจใช้ระบบขับเคลื่อนเดียวกับ Megane E-Tech Electric และปล่อยให้ Ariya ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 2 ตัว ต่อไป Renault ใช้ชุดแบทเตอรีขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง เดินทางได้ 300 กม. ขณะที่ชุดแบทเตอรีขนาด 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง เดินทางได้ 470 กม. มีให้เลือกว่า จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 129 แรงม้า แรงบิด 25.4 กก.-ม. หรือจะใช้มอเตอร์ตัวแรง กำลัง 221 แรงม้า แรงบิด 30.6 กก.-ม.