สำหรับการรุกตลาดส่งท้ายปี Mazda (มาซดา) ส่ง 2 รถอเนกประสงค์เอสยูวี ยกทัพ Mazda Family Suv ให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อทุกความสุขของสมาชิกในครอบครัวกับ Mazda CX-5 (ซีเอกซ์-5) พลังแห่งความสุขที่เร้าใจทุกเส้นทาง ครอสส์โอเวอร์ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ใส่มาจนล้นคัน เปิดราคาเริ่มต้นเพียง 1.3 ล้านบาท และ Mazda CX-8 (ซีเอกซ์-8) ให้ทุกช่วงเวลามีค่าไม่สิ้นสุด กับรถอเนกประสงค์แบบที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และเพิ่มรุ่น Exclusive เบนซิน 6 ที่นั่ง ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีสุดหรู เทคโนโลยีจัดเต็ม สุดคุ้มค่ากับราคา 1.4 ล้านบาท
สำหรับ Mazda ในช่วงที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ต้องปรับโหมดการบริหารจัดการ ทั้งเรื่องของการจัดการภายในองค์กร และปรับกลยุทธ์เพื่อผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ที่ต้องอาศัยความยืดหยุ่น และการจัดการที่รวดเร็วให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกการสื่อสาร โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทอล หรือ Digital Transformation ที่สำคัญ คือ มาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในวงกว้าง ผลจากการปรับตัวอย่างรวดเร็วในครั้งนี้ ส่งผลทำให้ Mazda สามารถสร้างธุรกิจให้เดินหน้าสู่การเติบโตต่อไป และดำเนินกิจกรรมตามแผนงานที่วางไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี และคาดว่าจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากกว่า 5 % หรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 38,000 คัน ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับผลประกอบการของ Mazda ที่ผ่านมา ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 มียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้น 28,327 คัน ลดลงเล็กน้อยประมาณ 6 % (จากปี 2563 จำนวน 29,979 คัน) แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 16,636 คัน ลดลง 11 % ได้แก่ Mazda2 จำนวน 14,901 คัน Mazda3 จำนวน 1,732 คัน Mazda MX-5 (เอมเอกซ์-5) จำนวน 3 คัน ในขณะที่ยอดขายรถอเนกประสงค์เอสยูวียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,659 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 19 % แบ่งออกเป็น Mazda CX-30 (ซีเอกซ์-30) จำนวน 5,757 คัน Mazda CX-3 (ซีเอกซ์-3) จำนวน 3,493 คัน Mazda CX-8 จำนวน 717 คัน และ Mazda CX-5 จำนวน 692 คัน ส่วนพิคอัพ Mazda BT-50 (บีที-50) เริ่มกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรเริ่มเก็บเกี่ยว โดยมียอดขายรวม 1,032 คัน
ธีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจ Mazda ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา Mazda ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ลงตลาดในกลุ่มรถอเนกประสงค์ เพื่อกระตุ้นตลาด และสร้างความสดใหม่ให้แก่ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มรถอเนกประสงค์เอสยูวี ที่รวมถึง Mazda Family SUV อันเป็นโมเดลหลักสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคหันมานิยมรถประเภทนี้มากขึ้น และกำลังเป็นเซกเมนท์ที่มีการเติบโต เพราะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ทั้งนี้ยังกระตุ้นยอดขายด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่โชว์รูม ศูนย์การค้า และแหล่งชุมชน เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
“นอกจากโหมกิจกรรมด้านการขายแล้ว Mazda ยังได้ยกระดับการบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบบริการที่ประทับใจ และสร้างความผูกพันให้แก่ลูกค้าปัจจุบัน และสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถเข้ารับบริการหลังการขายที่ศูนย์บริการมาตรฐาน ด้วยโปรแกรมให้การช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งส่วนลดค่าแรง ค่าอะไหล่ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการที่ได้มาตรฐานและไร้กังวลกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น และได้เตรียมแผนเปิดตัวธุรกิจรูปแบบใหม่เพื่อกระตุ้นตลาดในเร็วๆ นี้”
ทั้งนี้ Mazda ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ยนตรกรรมให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อส่งมอบความสุข ความสนุกสนานในการขับขี่ให้แก่ลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ยนตรกรรมเพื่ออนาคตอันสดใส ผ่านประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ เพื่อโลกที่ยังคงความสวยงาม เพื่อสังคมในอุดมคติ และเพื่อผู้คน เพื่อก้าวไปสู่จุดหมายที่ทำให้ Mazda กลายเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าให้ความรู้สึกรัก และผูกพันอย่างเหนียวแน่น และสามารถส่งมอบความสมบูรณ์แบบให้แก่ลูกค้าทุกคนได้อย่างแท้จริง