พร้อมนำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ในจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นโรงงานเต็มรูปแบบแห่งที่ 2 นอกประเทศจีน ที่เดินสายการผลิตตั้งแต่เดือนมิถุนายน เป็นต้นมา ตอกย้ำความเชื่อมั่น และศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพวงมาลัยขวาในภูมิภาคอาเซียนที่ได้มาตรฐานระดับโลก และเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หลังจากประสบความสำเร็จจากการเดินสายการผลิต และส่งมอบ All New Haval H6 Hybrid SUV รถยนต์รุ่นแรกที่ Great Wall Motor นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย จนสามารถขึ้นครองอันดับ 1 ยอดขายรถยนต์คอมแพคท์เอสยูวีสูงสุดติดต่อกัน 2 เดือนซ้อน ในเดือนสิงหาคม และเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ล่าสุด Great Wall Motor เดินหน้าตอกย้ำความเชื่อมั่นด้านมาตรฐาน และคุณภาพของกระบวนการผลิตรถยนต์ ด้วยการเชิญคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมภายในโรงงานที่จังหวัดระยอง
ภายในโรงงาน คณะสื่อมวลชนได้ชมกระบวนการผลิตทั้งรถยนต์ All New Haval H6 Hybrid SUV และ All New Haval Jolion Hybrid SUV ซึ่งนับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ของสายการผลิตที่โรงงานระยอง พร้อมสัมผัสรถยนต์ All New Haval Jolion Hybrid SUV อย่างใกล้ชิด
อำนาจ แสงจันทร์ รองประธานฝ่ายผลิตรถยนต์ Great Wall Motor ประเทศไทย เผยว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่เริ่มเข้ามาดำเนินการที่โรงงานอัจฉริยะแห่งนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว มาจนถึงการเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ เราได้นำนวัตกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง ภายใต้แนวคิด "ฉลาด ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม" มาใช้ในการปรับปรุง และอัพเกรดโรงงานเพื่อเสริมศักยภาพการผลิตรถยนต์ของเรา ตั้งแต่การผลิตรถยนต์ All New Haval H6 Hybrid SUV คันแรกจนถึงในปัจจุบัน เราสามารถส่งมอบรถยนต์ที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ และได้มาตรฐาน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญ และยิ่งใหญ่ของโรงงานระยองที่เราได้เริ่มต้นผลิต All New Haval Jolion Hybrid SUV ซึ่งนับเป็นรถเอสยูวี รุ่นที่ 2 จากแบรนด์ Haval ที่กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกของโลกในเร็วๆ นี้ แน่นอนว่าความสำเร็จเหล่านี้ จะเปิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ สื่อมวลชน และคนไทยทุกคน รวมถึงซัพพลายเออร์ ที่ให้ความร่วมมือ และเชื่อมั่นในการทำงานของเราด้วยดีเสมอมา และเราขอให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะยังคงพัฒนา และรักษามาตรฐานการผลิตรถยนต์ของเรา ควบคู่ไปกับการฝึกอบรมด้านเทคนิค และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อให้สามารถบรรลุพันธกิจของเรา เพื่อส่งมอบรถยนต์ที่มีคุณภาพ และบริการที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยต่อไป
ปัจจุบัน โรงงานของ Great Wall Motor ที่จังหวัดระยอง มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 800 คน และจะเพิ่มโอกาส และอัตราการจ้างงานในประเทศไทยขึ้นเป็น 1,000 ตำแหน่ง ภายในต้นปี 2565
นอกจากนี้ โรงงานระยองยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์ซึ่งเป็นบริษัทผลิต และจัดส่งชิ้นส่วน หรืออะไหล่รถยนต์ 4 แห่ง ได้แก่ Hycet Nobo Auto EA และ Mind เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยชิ้นส่วนหลักจากพาร์ทเนอร์ที่นำมาใช้ ได้แก่ เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ระบบอีเลคทรอนิคส์ และระบบสายไฟรถยนต์ ระบบชิ้นส่วนช่วงล่างรถยนต์ รวมถึงชิ้นส่วนตกแต่งภายในรถยนต์ เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีชิ้นส่วนอะไหล่ที่เพียงพอกับความต้องการ และมีความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์
ทั้งนี้ โรงงาน Great Wall Motor จังหวัดระยอง ประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลัก อันได้แก่
1. Press Shop
ถือเป็นขั้นตอนแรกของการผลิตรถยนต์ มีหน้าที่หลักในการผลิตแผงตัวถังขนาดใหญ่ และชิ้นส่วนโลหะที่สำคัญ ประกอบด้วย 2 สายการผลิต ซึ่งถูกออกแบบ และติดตั้งโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากประเทศจีน และเกาหลี ทำงานร่วมกับการใช้หุ่นยนต์ FANUC อัจฉริยะแบบ 6 แกน ในการส่งต่อชิ้นงานระหว่าง Press machine และยังมีการใช้ระบบเปลี่ยนแม่พิมพ์อัตโนมัติ (Automatic Die Change System) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสูงสุด และประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี
2. Body Shop
ตั้งอยู่บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 30,000 ตารางเมตร และมีกำลังการผลิตได้สูงสุด 120,000 คัน/ปี ซึ่งแบ่งการผลิตออกเป็นเป็น 2 เฟส ได้แก่ เฟสที่ 1 เพื่อรองรับการผลิตรถเอสยูวี และรถกระบะ ด้วยกำลังการผลิต 80,000 คัน/ปี และในเฟสที่ 2 จะมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มอีก 40,000 คัน/ปี โดยในปัจจุบันมีการใช้หุ่นยนต์ FANUC จำนวน 52 ตัว ที่มีอัตราการทำงานอัตโนมัติ (Automation rate) อยู่ที่ 85 % ผสานกับการออกแบบสายการผลิตที่ชาญฉลาด และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการใช้ระบบ MES Process Visualization Technology เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการผลิต การใช้ AI Technology ในการตรวจสอบการแสตมพ์หมายเลขตัวถัง หรือ vin number ของรถยนต์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ระบบการปรับเปลี่ยนการผลิตรุ่นรถยนต์อัตโนมัติ เพื่อให้สายการผลิตมีความยืดหยุ่นในการผลิตรถยนต์ได้หลากหลายรุ่น รวมไปถึงเทคโนโลยี PDA ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลการผลิตด้านคุณภาพของรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. Paint Shop
มีพื้นที่รวมประมาณ 39,000 ตารางเมตร โดยออกแบบให้มีกำลังการผลิตได้สูงสุด 120,000 คัน/ปี และประกอบไปด้วยกระบวนการผลิต 10 ขั้นตอน อาทิ การเคลือบสีตัวถังด้วยการนำไฟฟ้า ซึ่งเป็นการรับประกันประสิทธิภาพการป้องกันการกัดกร่อน และการเกิดสนิมของตัวถังที่ดีเยี่ยม กระบวนการ PVC ในการยาแนวตามตะเข็บรอยต่อ เพื่อป้องกันน้ำรั่ว และเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันสนิมตามตะเข็บรอยต่อของตัวถังตามจุดต่างๆ กระบวนการพ่นสีรองพื้น และสีจริง โดยใช้หุ่นยนต์พ่นสีจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้สีรถมีความเรียบเนียน และสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีโปรแกรมการเลือก และเปลี่ยนสีได้อัตโนมัติ และมีสีให้เลือกมากถึง 24 สี นอกจากนี้ ยังมีเตาอบสี ที่ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีชั้นสูงจากประเทศเยอรมนี ทำงานโดยการนำอากาศเสียที่อยู่ในเตาอบสีมาผสมกับอากาศบริสุทธิ์ในการเผาไหม้ เป็นการช่วยลดมลพิษก่อนปล่อยสู่อากาศภายนอก
4. General Assembly (GA) Shop
ครอบคลุมพื้นที่ ประมาณ 63,000 ตารางเมตร รองรับกำลังการผลิตสูงสุดได้ 120,000 คัน/ปี โดยมีการสร้าง Chassis Line ใหม่ สำหรับผลิตรถเอสยูวีโดยเฉพาะ คือ Intelligent Chassis Line นับเป็นครั้งแรกของ Chassis Line ที่เป็นการออกแบบอย่างอัจฉริยะ โดยมีเสาสำหรับแขวนโครงรูปตัว L เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย มีการใช้เทคโนโลยี Dual-Lift AGV เพื่อใช้ประกอบเครื่องยนต์ และช่วงล่างของรถยนต์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีความเที่ยงตรง และปลอดภัยสูง และยังมีการติดตั้งแขนกล (Manipulator) ทั้งสิ้น 17 ตัวเพื่อช่วยลดภาระ และความเมื่อยล้า รวมไปถึงเพิ่มความปลอดภัยให้พนักงานในการทำงาน นอกจากนี้ ยังติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลขับขี่อัจฉริยะ (HUD System) ตรวจสอบการทำงาน และระบบกล้องอัจฉริยะ 360 องศา (360 Degree Smart Camera) ที่ช่วยตรวจจับด้วยระบบเซนเซอร์ต่างๆ ของรถยนต์ได้อย่างละเอียดแม่นยำอีกด้วย
กเรก ลี รองประธานบริหารฝ่ายผลิตรถยนต์ Great Wall Motor ภูมิภาคอาเซียน และประเทศไทย
อำนาจ แสงจันทร์ รองประธานฝ่ายผลิตรถยนต์ Great Wall Motor ประเทศไทย