“ถนนการเมือง” เป็นถนนสายสำคัญของประชาชาติ ด้วยองค์ประกอบก็เพราะ ถนนสายนี้จะนำพาประชาชาติไปข้างหน้ามนุษย์ทุกฝ่าย ทุกอาชีพ ทุกฐานะ คือ ประชาชาติ มนุษย์นะครับ ไม่ใช่หมา ประชาชาติต้องใช้ถนนสายนี้ แต่ไม่ค่อยมีผู้สนใจ เพราะหลักกิโลเมตรถนนเส้นนี้ไม่ปกติ บางตอนทิ้งระยะห่างกันเหมือนติด COVID-19 แต่บางตอนก็มาเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า เราเองก็ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจ จนกระทั่ง อาชีพบังคับ และอาชีพนั้น คือ สื่อสารมวลชน เราอยู่กับอาชีพนี้เกิน 40 ปี จาก “เสียงอ่างทอง” ตามมาด้วย “เดลินิวส์” ต้องขอบใจ การอบรมสั่งสอนเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมคุณธรรมที่ได้รับจากอาชีพนี้ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้จัก “นักการเมือง” บน “ถนนการเมือง” นักการเมือง บนถนนการเมือง ไม่ใช่หมานะครับ เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับประชาชาติ และนักการเมืองไม่อาจเลี่ยงพ้น ธรรมชาติความเป็นมนุษย์ นั่นคือ หนีไม่พ้น “ดี” กับ “เลว” ธรรมชาติมนุษย์นี้ มีอภินิหารแค่ทำให้หลายสถานีโทรทัศน์เก็บมารายงาน นักการเมือง ดี กับ เลว เป็นมนุษย์ที่ปกครองบ้านเมือง คุ้มครองประชาชาติ ด้วยคุณธรรมของศาสนา และรักษาอธิปไตยของราชอาณาจักร 40 ปี บนถนนการเมืองของเรา เผชิญหน้ามาแล้วมีทั้งดีกับเลว ถนนการเมือง เท่าที่เราประจักษ์ ค่อนข้างมีอันตราย วันแรกที่เหยียบถนนการเมือง ก็มีกฎให้เราต้องอยู่ภายใต้ข้อห้าม ปกครองเป็นพิเศษ กว่าประชาชาติสายอื่น สื่อสารมวลชนเป็นสิ่งพิมพ์ด้วยน้ำหมึก แต่เราจะทำน้ำหมึกเลอะเทอะไม่ได้ พิษสงที่เห็นมาครั้งในอดีต คนที่ทำน้ำหมึกเลอะเทอะ แท่นพิมพ์ก็พังด้วย Top boot นักการเมือง ทำให้ถนนการเมือง มีทั้งดินลูกรัง มีทั้งโคลนเลนสกปรก ซึ่งคนใช้ถนนต้องเสี่ยงภัยกันเอง นี่แหละ ถนนสายซึ่งไม่มีคำว่า “Safety First” เมื่อไม่กี่วันนี้ ประชาชาติ ก็อยู่กับทางแยกด่วนของถนนการเมือง เรื่องราวนี้ เป็นการแสดงความเป็นธรรมชาติของนักการเมือง ที่พันพัวกับการหักหลังทางการเมือง ขับขี่ยวดยานบนถนนด้วยความประมาท ไม่คำนึงถึงนักการเมืองอื่นที่อยู่บนถนนเดียวกัน เรากำลังพูดถึง การเลี้ยงหมาของคุณทักษิณ คุณทักษิณ เปิดเผยว่า เคยเลี้ยงหมา 50 ตัวกับลูกชาย ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และหมาตัวหนึ่ง เลี้ยงไม่เชื่อง ไม่ใช่ความดุร้าย แต่ชอบกินอาหาร กินแบบไม่สำนึกบุญคุณเจ้านาย คุณแรมโบ้ นักการเมืองอีกคนของเรื่องนี้ อดีตท่านเคยอยู่กับคุณทักษิณ ท่านเล่าว่า ไม่เคยเห็นคุณทักษิณเลี้ยงหมา 50 ตัว คุณเนวิน นักการเมืองคนที่ 3 ของเรื่องนี้ อดีต ก็เคยร่วมเล่นการเมืองกับคุณทักษิณ แต่เปลี่ยนขั้ว เลิกเล่นการเมืองหันมาทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตให้กับบุรีรัมย์บ้านเกิด คุณเนวิน ไม่มีเรื่องใหม่ มีเรื่องเก่าซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ เพราะท่านพูดถึง การหักหลังทางการเมือง “มันจบแล้วครับนาย” เป็นวาทะประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่คุณเนวินเป็นผู้สร้าง เรารู้จักคุณเนวิน ในช่วงตอนที่ประจำทำงานอยู่กับ “เดลิวนิวส์” ถนนวิภาวดีรังสิต ขอสารภาพว่า ถูกคอกับท่านเพราะท่านมาแปลกกว่านักการเมืองหลายคน คุณเนวินเป็นนักการเมืองที่คบได้ เรามีความเชื่อว่า คุณเนวิน เป็นคนพูดจริง ทำจริง ด้วยความจริงใจ ไร้ความชิงชัง เราก็เคยเลี้ยงหมาที่บ้าน ตัวแรกสุดในชีวิตได้มาจากความเมตตาของคุณผุสดี อนัคฆมนตรี (นามสกุลในตอนนั้น) ช่วงนั้น คุณผุสดี เป็นนักร้องประจำเวทีคนหนึ่งของ ไนท์คลับ “โลลิตา” ถนนราชดำเนินกลาง เราเป็นคนตั้งชื่อไนท์คลับแห่งนี้ให้แก่เจ้าของ คือ คุณสุรพล พรทวีวัฒน์ การไปมาหาสู่ระหว่างเรากับโลลิตา จึงไม่ใช่เรื่องตื่นเต้น เท่ากับวันหนึ่ง คุณผุสดี ขอให้เราไปรับลูกหมาที่บ้านเธอถนนดินสอ เราเลี้ยงจนกระทั่งลูกสาวเติบโตขึ้น และเมื่อมันต้องจากไปตามธรรมชาติ ลูกสาวขอฝังในบ้าน ปากหลุมมีทั้ง พวงมาลัย และพวงหรีด คุณเนวิน จะเลี้ยงหมาที่บ้านด้วยหรือเปล่า เราไม่ทราบ แต่การหักหลังทางการเมืองตามที่ท่านเล่ามาน่าสนใจ มันเป็นเรื่องราวเกิดก่อนที่ คุณสมัคร สุนทรเวช จะเปลี่ยนขั้วแท่นพิมพ์น้ำหมึก มาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง คือ พรรคพลังประชาชน กรณีนี้ เป็นนัยสำคัญทางใจกับคุณเนวิน อานุภาพความรุนแรงและความสำคัญถึงกับทำให้ คุณเนวิน ต้องขอเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ด้วยสติเท่าที่ยังมี คุณเนวินลงจากถนนการเมืองไทยในวันนั้น และการเดินลงมาจากถนนการเมือง คุณเนวินก็ตั้งใจเดินผ่านป้ายคำว่า “มันจบแล้วครับนาย” พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรมราโชวาท ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 6 ณ ค่ายวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อ 11 ธันวาคม 2512 ความว่า “...ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”