NHTSA ปรับมาตรฐานอัตราค่าความสิ้นเปลือง

  ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศข้อกำหนดของรถยนต์ใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่รุ่นปี 2569 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้มีอัตราค่าความสิ้นเปลืองไม่น้อยกว่า 17 กม./ลิตร NHTSA: (The National Highway Traffic Safety Administration) หรือการบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ ได้กำหนดค่าความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงใหม่ และยกเลิกมาตรฐานเดิมที่ประกาศโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ โดยข้อกำหนดใหม่ บังคับให้รถที่ผลิตในปี 2567 และปี 2568 ต้องทำระยะการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 8 % จากอัตราค่าความสิ้นเปลืองเดิม และเพิ่มระยะทางอีก 10 % ในปี 2569 สำหรับรุ่นปีปัจจุบัน ยังใช้ข้อกำหนดเดิมจากสมัยประธานาธิบดี ทรัมพ์ ซึ่งกำหนดให้รถมีค่าอัตราความสิ้นเปลืองไม่ต่ำกว่า 10 กม./ลิตร ในสภาพใช้งานจริง ข้อกำหนดใหม่จะกำหนดอัตราค่าความสิ้นเปลืองสูงสุดที่ผู้ผลิตรถจะทำได้ในแต่ละช่วงเวลา และในภาพรวมจะสามารถลดอัตราค่าความสิ้นเปลืองน้ำมันได้มากถึง 220 พันล้านแกลลอน (832.7 พันล้านลิตร) ตลอดอายุการใช้งานของรถทั้งหมด เมื่อเทียบกับมาตรฐานเดิม จากมาตรฐานของฝ่ายบริหารสมัยประธานาธิบดี ทรัมพ์ ได้กำหนดให้ระยะทางวิ่งเพิ่มปีละ 1.5 % ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกล่าวว่าไม่เพียงพอที่จะลดสภาวะเรือนกระจกจากมลพิษ ซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อน หากเทียบข้อกำหนดใหม่กับข้อกำหนดของประธานาธิบดี บารัค โอบามา พบว่ามีค่ามาตรฐานตรงกันในปี 2568 และมากกว่าเล็กน้อยในปี 2569 อย่างไรก็ตามมาตรฐานจากสมัยประธานาธิบดี โอบามา ต้องถูกปรับเปลี่ยน เนื่องจากพฤติกรรมการใช้รถเปลี่ยนไป โดยยอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2555 เป็นรถยนต์นั่งถึง 51 % ส่วนรถ เอสยูวี และรถกระบะ 49 % แต่ในปีที่แล้ว ยอดขายของกลุ่มรถ เอสยูวี และรถกระบะเพิ่มขึ้นเป็น 77 % ซึ่งรถกลุ่มนี้มีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงกว่า Dan Becker ผู้อำนวยการ Safe Climate Transport Center ของ Center for Biological Diversity กล่าวว่า "ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เลวร้ายมาก และบริษัทผู้ผลิตไม่พยายามพัฒนาให้รถมีการบริโภคเชื้อเพลิงให้น้อยลงเท่ากับที่เคยทำข้อตกลงไว้เมื่อ 9 ปีก่อน หากสามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดของ NHTSA เจ้าของรถรุ่นปี 2572 จะประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 1,400 เหรียญสหรัฐฯ  (4.7 หมื่นบาท) ตลอดการใช้งานของรถ และสามารถลดมลพิษจากคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2.5 พันล้านตัน ภายในปี 2593" อย่างไรก็ตาม NHTSA ไม่ได้ ประมาณการว่ามาตรฐานดังกล่าวจะทำให้ราคารถเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร ซึ่งทางตัวแทนจำหน่ายมีความเห็นว่ามาตรฐานดังกล่าวจะทำให้ราคารถใหม่สูงขึ้นอย่างแน่นอน และจะทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งหายไปจากตลาดรถใหม่ ด้วยราคาที่สูงเกินไป