ธุรกิจ
Michelin เผยโฉมยาง 2 รุ่น

ความก้าวหน้าดังกล่าวเป็นผลมาจากการผลิตยางล้อโดยใช้ยางธรรมชาติ, คาร์บอนบแลคที่ได้จากการรีไซเคิล, ตลอดจนน้ำมันประ เภทต่างๆ เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน และเรซินจากชีวมวล (Bio-Sourced Resins) รวมถึงซิลิคาจากแกลบ และเหล็กกล้าที่ได้จากการรีไซเคิล
การนำวัสดุยั่งยืนมาใช้ในการพัฒนายางล้อโดยยังคงให้สมรรถนะที่ดีถือเป็นแนวทางการดำเนินงานของกลุ่ม Michelin อีกทั้ง Michelin ยังให้ความสำคัญ และใส่ใจเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของวงจรผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่
ภายใต้แผนการดำเนินงานที่กำหนด Michelin เชื่อมั่นในประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านวัสดุไฮเทค ตลอดจนความทุ่มเทของแผนกวิจัย และพัฒนา ซึ่งประกอบด้วยทีมวิศวกร, นักวิจัย, นักเคมี และนักพัฒนา ราว 6,000 คน ทั้งนี้ การที่ในปี 2564 Michelin เป็นเจ้าของสิทธิบัตรวัสดุไฮเทคซึ่งยังมีผลบังคับใช้ (Active Patents) รวมทั้งสิ้น 3,678 ฉบับ ถือเป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
กลุ่ม Michelin ตระหนักดีว่าการพัฒนานวัตกรรมด้านวัสดุยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยทักษะใหม่ๆ จึงได้ริเริ่มดำเนินโครงการกับพันธมิตรกลุ่มเป้าหมาย เพื่อผลักดันให้การพัฒนาเทคโนโลยีล้ำหน้า...โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการแปรสภาพและการรีไซเคิล...ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว พันธมิตรเหล่านี้ ได้แก่ Pyrowave ในการผลิตสไตรีนจากการรีไซเคิล (R-Styrene), Carbios ในการผลิตพลาสติค Pet จากการรีไซเคิล (R-Pet), Enviro ในการพัฒนาคาร์บอนบแลคจากการรีไซเคิล (RCB) รวมทั้งกับ IFPEN และ Axens ภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางนิเวศวิทยาของฝรั่งเศส (ADEME) ในการผลิตบิวทาไดอีนจากชีวมวล (Bio-Butadiene) นอกจากนี้ Michelin ยังร่วมดำเนินโครงการ Empreinte* กับหน่วยงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางนิเวศวิทยาของฝรั่ง เศส (ADEME) และจัดตั้งโครงการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) Black Cycle และ White Cycle ร่วมกับพันธมิตรสัญชาติยุโรปหลายราย โดยได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป เพื่อแปรสภาพยางล้อที่สิ้นสุดอายุการใช้งานแล้วให้กลายเป็นวัตถุ ดิบคุณภาพสูงพิเศษสำหรับใช้ในการผลิตยางล้อใหม่
* โครงการ Empreinte ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลฝรั่งเศสในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการลงทุนเพื่ออนาคต โดยปัจจุ บันโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนการลงทุน France 2030 และดำเนินการโดยหน่วยงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางนิเวศวิทยาของฝรั่งเศส (ADEME) 

