ระเบียงรถใหม่
Polestar 3 รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย

Polestar 3 ผลิตขึ้นบนพแลทฟอร์มใหม่ Sustainable Experience Architecture SEA 1 ที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับผลิตรถไฟฟ้าลักชัวรีขนาดใหญ่ในเครือ Geely และ Daimler AG โดยต่างจาก Polestar 1 ที่ผลิตขึ้นบนพแลทฟอร์ม Volvo SPA และ Polestar 2 ที่ใช้พแลทฟอร์ม Compact Modular Architecture และพแลทฟอร์มนี้ จะถูก Volvo นำไปใช้ผลิต Volvo EX90 ที่จะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้อีกด้วย
Polestar 3 เผยให้เห็นถึงแนวทางการออกแบบยุคใหม่ที่เน้นความล้ำยุค เส้นสายเฉียบคมดูทรงพลัง เส้นสายภายในไฟหน้าที่ทาง Polestar เรียกว่า Dual Blade กระจังหน้าแบบทึบติดตั้งเซนเซอร์เรดาร์ ที่ช่วยการทำงานของระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ และมีพื้นที่ใช้สอยภายในมากกว่ารถที่มีขนาดมิติใกล้เคียงกัน
Polestar 3 มีขนาดมิติตัวถัง
ความยาว 4,900 มม.
ความกว้าง 2,120 มม.
ส่วนสูง 1,614 มม.
ฐานล้อ 2,985 มม.
น้ำหนัก 2,584 กก.
หลังคากระจก Panoramic ขนาดใหญ่ยาวมาถึงผู้โดยสารตอนหลัง มือเปิดประตูแบบซ่อนไว้ที่ตัวถังทำงานร่วมกับเซนเซอร์ตรวจจับการเข้าสู่ตัวรถ พร้อมระบบปิดแบบ Soft Close
การออกแบบภายในที่เรียบหรูโดดเด่น ด้วยหน้าจอควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่ 14.5 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบปฏิบัติการ Android Automotive OS มาพร้อมระบบเครื่องเสียงพรีเมียม ลำโพงจำนวน 25 ตัว จาก Bowers & Wilkins พร้อมระบบ 3D Surround Sound และ Dolby Atmos
วัสดุต่างๆ ที่ใช้มุ่งเน้นใช้วัสดุจากรีไซเคิล โดยที่ยังคงความหรูหรา และผิวสัมผัสที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ มีทั้งวัสดุผ้าที่ทำจากธรรมชาติ มุ่งเน้นเป้าหมายการลดปริมาณคาร์บอน จากการผลิต
ขุมพลัง Polestar 3 มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ที่ล้อคู่หน้า และหลัง กำลังสูงสุดผลิตได้ 490 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 85.5 กก.-ม. (840 นิวตัน-เมตร ) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ซิงเกิล สปีด หมุนล้อแบบ All-wheel-drive ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5 วินาที แบทเตอรีรองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สูงสุด 250 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยสามารถอัพเกรดเป็น Performance Package ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 93.8 กก.-ม (910 นิวตัน-เมตร) ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.7 วินาที
เพิ่มสมรรถนะด้วยการปรับทูนช่วงล่างใหม่ ด้วยระบบ Advanced chassis control ทำหน้าที่ช่วยการทรงตัวของตัวรถในทุกสภาพพื้นผิว ที่สามารถปรับระดับได้ตามความต้องการ โดยทำงานร่วมกับชุดชอคอับไฟฟ้า ซึ่งสามารถประมวลผลได้ไวที่ความถี่ 500 Hz พร้อมขยับไซซ์ล้อจาก 21 เป็น 22 นิ้ว ยังมาพร้อมระบบกระจายแรงบิดที่เพลาล้อคู่หลัง Electric Torque Vectoring Dual Clutch ซึ่งพัฒนามาจากรถสปอร์ทรุ่นแรกของค่าย Polestar 1
ควบคุมการเหยียบคันเร่งตัวรถด้วยระบบ One-pedal ที่สามารถปรับความหน่วงได้ แบทเตอรีความจุ 111 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 610 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ห่อหุ้มเซลล์แบทเตอรีด้วยอลูมิเนียมผสมโบรอน ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตัวถัง พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ และสามารถปรับอุณหภูมิแบทเตอรีให้เหมาะกับสภาพอากาศภายนอกได้
มาพร้อมระบบชาร์จเร็วที่มีกำลังไฟสูงสุดถึง 250 กิโลวัตต์ ระบบช่วยการขับขี่อัตโนมัติ ADAS (Advanced Driver Assistance System) ประกอบด้วย เรดาร์จำนวน 5 จุด กล้องรอบคันจำนวน 5 ตัว เซนเซอร์อุลทราโซนิคภายนอกจำนวน 12 จุด โดยมีระบบประมวลผลอัจฉริยะที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Polstar และ Google โดยใช้ชิพ Qualcomm Snapdragon ในการประมวลผล
และมาพร้อมด้วยกล้องตรวจจับพฤติกรรมของผู้ขับขี่เทคโนโลยี Smart Eye จำนวน 2 ตัว ภายในรถ ที่จะคอยสังเกตพฤติกรรมของผู้ขับขี่ว่ามีสภาวะเหมาะสมในการขับขี่หรือไม่ และสามารถตรวจจับเด็ก หรือสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของอาจจะลืมไว้ที่รถ ซึ่งถูกติดตั้งเป็นครั้งแรกใน Polestar 3
Polestar 3 จะเริ่มผลิตที่โรงงานของ Volvo ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน ในปี 2023 โดยจะส่งออกไปยังยุโรป หลังจากนั้นจะมีการเปิดสายการผลิตที่โรงงานของ Volvo ในรัฐเซาธ์แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา
ราคาจำหน่ายในสหราชอาณาจักร เริ่มต้นที่ 79,900 ปอนด์ หรือประมาณ 3.36 ล้านบาท ส่วนในสหรัฐฯ เริ่มต้นที่ 83,900 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3.18 ล้านบาท


