Ioniq 6 ได้รับอิทธิพลการออกแบบจากรถในทศวรรษที่ 1930 ที่ออกแบบรูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมเทคโนโลยีระดับก้าวหน้าจากหลากหลายด้าน ที่ใช้ในการพัฒนารูปทรงของรถภายในอุโมงค์ลม การออกแบบตัวรถที่โดดเด่น โดย Simon Loasby หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Hyundai ใช้รูปทรงที่ลู่ลมของรถรุ่นปี  1947 ทั้ง Stout Scarab, Phantom Corsair และ Saab Ursaab ในการออกแบบ Ioniq 6
ทั้งใช้แนวคิดการออกแบบปลายปีกของ Supermarine Spitfire เครื่องบินขับไล่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในการออกแบบขอบข้างของสปอยเลอร์ท้ายที่ต้องรับกระแสลมจากแนวหลังคา เพื่อลดลมหมุนที่ด้านข้างของสปอยเลอร์ และออกแบบขอบข้างของสปอยเลอร์แบบหักลง (Winglet) เพื่อลดกระแสลมหมุนวนที่มาจากด้านข้างของตัวรถ
 
 
ถ้ามองด้านข้าง จะเห็นว่ามีรูปทรงเหมือนกับปีกเครื่องบิน ที่การไหลของกระแสลมผ่านหลังคาเร็วกว่าใต้ท้อง ทำให้เกิดแรงดันลมใต้ท้องรถสูงกว่าบนหลังคา จนเกิดแรงยกในช่วงความเร็วสูง จึงต้องใช้สปอยเลอร์ท้ายเพื่อสร้างแรงกดให้มากขึ้น มีการขับขี่มั่นคงขึ้นในความเร็วสูง ดีไซจ์เนอร์ได้ออกแบบรูปทรงรถ โดยเลียนแบบรูปทรงของ Peregrine Falcon ขณะดำดิ่งล่าเหยื่อด้วยความเร็ว
Ioniq 6 ต้องผ่านสภาพการทดสอบอย่างหนักหน่วงในอุโมงค์ลมระดับ 3,400 แรงม้า ที่สร้างกระแสลมได้ถึง 200 กม./ชม. และวิศวกรด้านอากาศพลศาสตร์ของ Hyundai ปรับรูปทรงของรถจนเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ได้อีก 10 %
 
 
การออกแบบชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยเทคนิค Morphing ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเปลี่ยนรูปร่างเสมือนจริง ที่นำมาใช้ในการออกแบบสปอยเลอร์ท้าย และอีกหลายตำแหน่ง เพื่อเป็นข้อมูลด้านอากาศพลศาสตร์ให้กับ Supercomputer ในการวิเคราะห์อากาศพลศาสตร์กระแสลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ดีไซจ์เนอร์สามารถเลือกรูปทรงของสปอยเลอร์ที่แตกต่างได้ถึง 70 รูปแบบ และทดสอบการใช้งานเสมือนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น แผ่นดักลมระบบระบายความร้อน, ม่านอากาศที่ล้อ และแผ่นจัดกระแสลมโพรงล้อ เป็นต้น เทคโนโลยีการออกแบบอุปกรณ์ต่างๆ ไม่เพียงแต่ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งมีรูปทรงที่สวยงาม และโดดเด่น
                     
