เรื่องน่ารู้
Skill Driving Experience: ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล [วันที่ 25-26 มีนาคม 2566]

ทางผู้จัดยังคำนึงถึงสุขอนามัยเป็นอย่างดี ตามหลักปฏิบัติของสถานการณ์ COVID-19 ผู้ร่วมการฝึกสอนทุกคนจะมีการตรวจ ATK (ส่วนผู้เข้าเรียนจะตรวจ ATK ที่บริเวณทางเข้างาน เมื่อผลตรวจไม่ติดเชื้อ จึงจะเข้ามายังบริเวณส่วนการฝึกสอนได้) มีการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งผู้เข้าฝึกอบรม และผู้ทำการฝึกสอน จัดเตรียมเจลแอลกอฮอลสำหรับล้างมือ มั่นใจได้เรื่องสุขอนามัยที่ทางผู้จัดงานให้ความเอาใจใส่เสมอมา
สถานี Emergency Lane Change และ Elk Test
รถที่ใช้ฝึกอบรม : แบบขับเคลื่อนล้อหน้าของ Mercedes-Benz
Emergency Lane Change คือ การฝึกวิธีการหลบหลีกสิ่งกีดขวางในระยะกระชั้นชิดด้วยการหักเลี้ยวอย่างรวดเร็ว ดังนี้แล้ว ตำแหน่งเบาะนั่งที่เหมาะสม ตลอดจนการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง มีความจำเป็นมาก แม้ช่องว่างของการหักเลี้ยวรถจะค่อนข้างแคบ แต่ผู้ฝึกอบรมสามารถแล่นผ่านไปได้ แม้ใช้ความเร็วค่อนข้างมาก (40-60 กม./ชม.) เป็นอีกหนึ่งทักษะการขับขี่ที่มีประโยชน์ไม่น้อย ต่อด้วย Elk Test หรือการหลบหลีกสิ่งกีดขวางบนถนนในระยะกระชั้นชิด (เช่น สัตว์ใหญ่ หรือวัตถุขนาดใหญ่) เป็นการหักเลี้ยว 2 ครั้งต่อเนื่องกัน สลับซ้าย/ขวา จำลองสถานการณ์การหลบสิ่งกีดขวาง และหักเลี้ยวกลับมายังเลนเดิม สำหรับถนนที่เป็นเลนสวนทาง การควบคุมพวงมาลัย และสายตาที่มองไปยังจุดปลอดภัยแต่ละตำแหน่ง ช่วยให้ผู้ขับหลบสิ่งกีดขวางได้ทันท่วงที และหักเลี้ยวต่อเนื่องได้อย่างมั่นคง
สถานี Emergency Braking และ Understeering
รถที่ใช้ฝึกอบรม : แบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาของ Subaru
หนึ่งในวิธีลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ คือ การเบรคอย่างทันท่วงที หรือ Emergency Braking นั่นคือ การกดแป้นเบรคอย่างรวดเร็ว และหนักแน่นจนกระทั่งระบบ ABS ทำงาน นอกจากนี้ ผู้ฝึกอบรมจะเบรคที่ความเร็วแตกต่างกัน เพื่อรับรู้ระยะเบรคที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงความสำคัญของเวลาจากการตอบสนองของผู้ขับจากการพบเจอสิ่งกีดขวาง และทำการกดแป้นเบรคลงไป แม้เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็ใช้ระยะทางหลายเมตรแล้ว การมีสติขณะขับรถเป็นสิ่งที่ควรตระหนักให้ดี ต่อกันด้วย Understeering หรือที่คุ้นเคยกับคำว่าอาการ “แหกโค้ง” ตัวรถจะหักเลี้ยวน้อยกว่าที่ต้องการ จากการใช้ความเร็วสูงเกินระดับที่ล้อคู่หน้าจะยึดเกาะถนนได้ ตามปกติความเคยชินของผู้ขับบางคนจะพยายามหักเลี้ยวมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว อาการ Understeering จะยิ่งเกิดมากขึ้นแทน การแก้ไข คือ รีบลดความเร็วลงมาด้วยการยกคันเร่ง หรือทำการเบรคเบาๆ (ป้องกันรถไม่ให้เกิดอาการสะบัดในโค้ง) จนกระทั่งล้อคู่หน้ามีการยึดเกาะถนนอีกครั้ง สามารถควบคุมทิศทางได้ตามต้องการ อาการของตัวรถลักษณะนี้มักเจอได้บ่อยกว่ารูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง หรือ 4 ล้อก็ตาม
สถานี Oversteering
รถที่ใช้ฝึกอบรม : แบบขับเคลื่อนล้อหลังของ BMW
การฝึกอบรมสถานี Oversteering จำลองสถานการณ์รถยนต์เกิดอาการ “ท้ายปัด” หรือหมุนในทางโค้ง จากการสูญเสียการยึดเกาะถนนของล้อคู่หลังขณะเข้าโค้ง โดยครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของสถานีให้มีความคล้ายคลึงกับการเลี้ยวกลับรถในมุมแคบ แล้วผู้ขับทำการกดคันเร่งขณะทำการเลี้ยว ทำให้เกิดอาการท้ายปัดเช่นกัน การแก้ไขสถานการณ์ต้องอาศัยการหักเลี้ยวไปในทิศทางตรงกันข้ามที่ทันท่วงที ผนวกกับการชะลอความเร็วโดยการยกคันเร่ง ทันที่รถออกอาการท้ายปัดบนพื้นผิวเปียกน้ำของสถานีนี้ ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมจะได้สัมผัสการหมุนของตัวรถด้วยตนเอง รวมถึงการฝึกจับอาการท้ายปัด และแก้ไขอย่างทันท่วงที
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ดังต่อไปนี้
- บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
- กลุ่มบริษัท ดีสโตน
- บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด
สถานที่สำหรับการฝึกสอน Skill Driving Experience: ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล ณ สนามแข่งรถปทุมธานีสปีดเวย์
หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ในเว็บไซท์ www.skilldriving-imc.co.th                    

