ระเบียงรถใหม่
All-New Lexus LM เจเนอเรชัน 2 เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Shanghai Auto Show 2023
Lexus LM Ultra Luxury Van เจเนอเรชันที่ 1 เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2019 ที่งาน Shanghai International Automobile Industry Exhibition ครั้งที่ 18 เป็นรุ่นรถลีมูซีนหรู ที่อัพเกรดมาจาก Alphard เจเนอเรชันที่ 3 โดยมีความยาวกว่า Alphard เล็กน้อย
Lexus LM มีส่วนประกอบโครงสร้างที่มีรูปลักษณ์ใหม่ และแข็งแกร่งกว่า มีการเพิ่มวัสดุเก็บเสียงมากขึ้น เช่น หน้าต่างบานคู่ พร้อมระบบกันสะเทือนแบบใหม่ที่มีเทคโนโลยี Swing Valve โดยเปิดตัวเจเนอเรชันที่ 2 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2023 ที่ผ่านมา ในงาน Shanghai Auto Show 2023 ซึ่งถือว่าเปิดตัวได้เร็ว เนื่องจากรุ่นเดิมเพิ่งเปิดตัวไปไม่ถึง 4 ปี คงเป็นเพราะต้องการจะเปิดตัวก่อน Alphard รุ่นที่ 4 และ Vellfire รุ่นที่ 3 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือน
All-New Lexus LM ได้รับการออกแบบภายนอกใหม่ทั้งหมด ยังคงรักษาเอกลักษณ์กระจังหน้า และชุดกันชนขอบโครเมียมขนาดใหญ่ พร้อมโลโก Lexus บนขอบฝากระโปรงหน้า ชุดไฟหน้า LED เพรียวบาง ดีไซจ์นเรียบหรู พร้อมไฟเลี้ยววิ่งแบบ Sequential Turning Lamps
ด้านท้าย โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED ที่ลากยาวเต็มช่วงด้านหลัง และยังมาพร้อมไฟเลี้ยววิ่งแบบ Sequential รูปตัว V ใต้ไฟเบรคตรงกลางติดตราอักษร Lexus เพิ่มความหรูด้วยสปอยเลอร์ และชุดกันชนหลังพร้อมคิ้วสเกิร์ท และหลังคามูนรูฟ 2 บาน ตรงกลางซ้าย/ขวา
ตัวรถสร้างจากพแลทฟอร์ม TNGA : GA-K มีมิติตัวรถยาว 5,125 มม. กว้าง 1,890 มม. สูง 1,955 มม. และฐานล้อ 3,000 มม. เมื่อเทียบกับ Lexus LM รุ่นเดิม พบว่ารุ่นใหม่ยาวขึ้น 85 มม. กว้างขึ้น 40 มม. และสูงขึ้น 10 มม. ขณะที่ความยาวฐานล้อยังคงเท่าเดิมที่ขนาด 17 นิ้ว ยาง 225/65 R17 และ 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R19
ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมเบาะนั่งที่สามารถเลือกได้ทั้ง 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง และ Executive Lounge 4 ที่นั่ง ที่ตกแต่งได้อย่างเลิศหรู ช่วยให้ผู้โดยสารมีความผ่อนคลายทั้งร่างกาย และจิตใจ จากความเร่งรีบ และความวุ่นวายในการทำงาน
การออกแบบแผงคอนโซลด้านหน้าคล้ายกับ Lexus RX ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไป มาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 14 นิ้ว พร้อมมาตรวัดดิจิทอล และพวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน 3 ก้าน ที่ถูกออกแบบมาใหม่ บานประตูสไลด์ด้วยไฟฟ้ามีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิม เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้น/ลงรถ และมีการติดตั้งที่บังฝนเอาไว้บริเวณเสาหลังคาอีกด้วย
ภายในความพิเศษของรุ่น 4 ที่นั่ง Captain Seat มาพร้อมจอทีวี Widescreen ขนาดใหญ่ 48 นิ้ว พร้อมลำโพงระดับไฮเอนด์ Mark Levinson และยังเพิ่มการตกแต่งภายในให้เลิศหรูยิ่งขึ้น มีแผงกระจกปรับขึ้น/ลงด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความเป็นส่วนตัว พร้อมตู้เย็น เบาะนั่งผู้โดยสารแบบ Business-class ที่มีระบบนวดบริเวณต้นขา หลัง และไหล่ พร้อมระบบ Rear Climate Concierge ซึ่งรวมการควบคุมเครื่องปรับอากาศ ที่บังแดด ไฟส่องสว่าง ตำแหน่งที่นั่ง ที่วางแขน และเบาะรองนั่งแบบปรับอุณหภูมิได้
เครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด Dynamic Force Hybrid ขนาด 2.4 ลิตร Turbocharged ให้กำลัง 279 แรงม้า แรงบิด 429 นิวตันเมตร เสริมกำลัง และความประหยัดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวม 372 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และยังมีขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด Dynamic Force Hybrid ขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลัง 189 แรงม้า แรงบิด 237 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้กำลังสูงถึง 249 แรงม้า แรงบิด 316 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า กับขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four
มาพร้อมความปลอดภัยเต็มคัน Lexus Safety System+ 3.0 ทั้งระบบป้องกันก่อนการชน Pre-Crash Safety (PCS), ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control (with all-speed follow function), ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ Lane Departure Alert (LDA), ระบบตรวจจับความผิดปกติของการขับ Abnormal Driver Response System, ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบเชิงรุก Proactive Driving Assist (PDA), ระบบช่วยขับอัจฉริยะ Advanced Drive (Traffic Jam Support), ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Advanced Park (With Remote Function) และระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งผ่าน Easy Closer หรือ Safe Exit Assist สำหรับประตูสไลด์
ด้านหน้ามาพร้อมกระจังหน้า Spindle Grille สีเดียวกับตัวรถ ที่ถูกออกแบบให้ช่องว่างระหว่างชิ้นส่วน และตัวถังโดยรอบเหลือน้อยที่สุด เป็นผสมผสานกันระหว่างประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ประสิทธิภาพการระบายความร้อน และดีไซจ์นที่ปราดเปรียว
อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งมาให้อย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นหลังคากระจก 2 ตอน แยกซ้าย/ขวา คั่นกลางด้วยแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศแบบ Rear Climate Concierge ผสานการทำงานของทั้งเครื่องปรับอากาศ ตำแหน่งที่นั่ง ที่บังแดด และไฟส่องสว่าง ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมห้องโดยสารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้โดยสารแต่ละคน นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งฉากกั้นระหว่างห้องโดยสารตอนหน้า และหลัง พร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 48 นิ้ว ทำงานควบคู่กับชุดเครื่องเสียง Mark Levinson เพื่อเพิ่มความสงบ และเป็นส่วนตัว สำหรับรุ่น 4 ที่นั่ง
การตกแต่งภายในห้องโดยสาร มีให้เลือกทั้งโทนมืด และโทนสว่าง บริเวณหลังคาตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้เพิ่มความหรูหรา พร้อมไฟสร้างบรรยากาศที่มีให้เลือก 64 รูปแบบ (แบบสี 50 รูปแบบ และแบบธีม 15 รูปแบบ)
ระบบกันสะเทือนยังคงยืนหยัดกับรูปแบบเดิม ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบอิสระ มัลทิลิงค์ ระบบรองรับเป็นแบบ Adaptive Variable Suspension (AVS) ที่สามารถปรับความหนืดแปรปันตามความเร็ว มาพร้อมโหมดการขับขี่ Rear Comfort ที่จะปรับช่วงล่างด้านหลังให้นุ่มสบายที่สุด และปรับการทำงานของแป้นคันเร่งให้ช้าลงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังยังถูกปรับให้ทนต่อการบิดตัวเพิ่มขึ้นถึง 50 % เป็นผลมาจากการยึดที่ส่วนรองรับหม้อน้ำ และพื้นด้านห้องโดยสารด้านหลังใหม่ การเสริมความแข็งแรงของเสาหลังคา ตลอดจนการใช้กาวยึดโครงสร้างแบบใหม่ นอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงแล้ว ยังช่วยลดการสั่นสะเทือนอีกด้วย
จัดเต็มด้านระบบความปลอดภัย Lexus Safety System อาทิ ระบบการป้องกันก่อนการชน Pre-Crash Safety, ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control และระบบรักษารถให้อยู่ในเลน Lane Departure Alert เป็นต้น
เรื่องโดย : พรเทพ คงลาภอำนวย
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/448874