ธุรกิจ
MGC เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ
บมจ. มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ "มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ MGC-Asia" เข้าทเรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชูจุดเด่นผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ "Lifestyle Mobility Ecosystem" ที่มีประสบ การณ์ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 20 ปี พร้อมขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ ผ่านความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรระดับโลก เพื่อขยายสินค้า และบริการไปสู่กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต ขณะที่ผลงานปี 2565 ทอพฟอร์มทำกำไรสุทธิได้ 595.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.6 % จากปีก่อน
ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ ได้นำหุ้น MGC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นวันแรก (26 เมษายน 2566) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม/ยานยนต์ หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 280 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 7.95 บาท นับเป็นก้าวสำ คัญที่จะผลักดันระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ MGC-Asia ให้เติบโตไปอีกขั้น จากความแข็งแกร่งด้านเงินทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคต โดยกลุ่มบริ ษัทฯ ได้วางแผนการขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ ให้ครอบคลุมทุกวงจรการใช้บริการของลูกค้าผ่านการขยายฐานสินค้า และบริการ โดยการดำเนินธุรกิจของบริษัทภายในกลุ่ม และความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ภายใต้ MGC-Asia Ecosystem ที่แข็งแกร่ง มีผลิตภัณฑ์ และบริการที่ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า มีธุรกิจสนับสนุนอื่นๆ ที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ จากการเป็นหนึ่งในผู้ประ กอบการรายใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และเป็นผู้นำธุรกิจการให้บริการหลังการขาย และบริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระที่มีคุณภาพสูง ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ MGC สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ ได้วางเป้าหมายการขยายระบบนิเวศทางธุรกิจผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ 1) สร้างความแข็งแกร่งให้ MGC-Asia Ecosystem สร้างความโดดเด่น ด้วยโมเดล Lifestyle Mobility Ecosystem 2) มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจจำหน่าย ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับบริการหลังการขาย และซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะสร้างรายได้ประจำ รวมถึงผลตอบ แทนแก่กลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว 3) เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ทรัพยากรร่วมกันภายในระบบนิเวศทางธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทฯ 4) ยกระ ดับการให้บริการ โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ (Digitalization) เตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสู่ Digi-Tech Lifestyle Mobility บนพแลทฟอร์มออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
“ผมเชื่อมั่นว่า MGC มีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จากความพร้อมด้านเงินทุน ระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการขยายธุรกิจไปสู่น่านน้ำใหม่ที่ยังเป็น Blue Ocean ทั้งธุรกิจจัดจำหน่ายเรือยอชท์ เรือแม่น้ำพร้อมบริการครบวงจร บริการทางการเงินอย่างครบวงจร ครอบคลุมสินเชื่อเช่าซื้อ ลีซิง สินเชื่อรีไฟแนนศ์ สำหรับยานยนต์ระดับลักชัวรี และมารีน เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม-ลักชัวรี ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ ร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) จัดตั้ง บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯ ได้ยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” ดร. สัณหวุฒิ กล่าว
เจิดนภางค์ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน และบัญชีกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตอย่างมั่นคง โดยสะท้อนจากผลประ กอบการในปี 2563-2565 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 20,275.3 ล้านบาท 21,350.3 ล้านบาท และ 23,076.2 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.7 %/ปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรสุทธิปี 2563-2565 อยู่ที่ 188.8 ล้านบาท 295.5 ล้านบาท และ 595.6 ล้านบาท ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิปี 2565 ของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตก้าวกระโดด 101.6 % จากปีก่อนหน้า จากการเพิ่มของรายได้จากการขาย และบริการ การเพิ่มของอัตรากำไรขั้นต้น ขณะที่สัดส่วนต้นทุนการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตอกย้ำถึงความสามารถในการบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ มิลเลนเนียม กรุ๊ป MGC-Asia มีวัตถุประสงค์การระดมทุน เพื่อนำไปลงทุนใน บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงชำระเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และรองรับการเติบโตในอนาคต
วราห์ สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัท หลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า MGC เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ มีแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังปรับเปลี่ยนไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จากกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่ง MGC ได้เตรียมความพร้อมทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้า รองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย แต่ปัจจุบันภาพรวมอุตสาหกรรมกำลังฟื้นตัว สะท้อนจากงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ที่มียอดจองเข้ามาอย่างคึกคัก โดยยอดขายของจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ ธุรกิจบริการหลังการขาย และธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุง ซึ่งเป็น กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว จึงเชื่อมั่นว่า MGC จะเป็นอีกหุ้นคุณภาพสำหรับนักลงทุนในตลาดทุนไทย
ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในนาม บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายร่วม และในฐานะตัวแทนของธนาคารกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจมาอย่างยาวนานกับกลุ่ม MGC-Asia กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ MGC ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากทั้งนักลงทุนสถาบันชั้นนำ และนักลงทุนรายย่อย โดยมีมูลค่าเสนอขายรวม 2,226 ล้านบาท ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน เพื่อนำไปใช้ขยายระบบนิเวศทางธุรกิจเพิ่มสินค้า และบริการที่หลากหลาย สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งยังมุ่งขยายไปสู่กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต จึงมั่นใจว่า MGC มีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ Lifestyle Mobility Ecosystem และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน รวมถึงเติบโตได้อย่างยั่งยืน
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผุ้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/449562