Bentley ยืนยันว่า รถทุกคันของบริษัทสามารถใช้เชื้อเพลิงชีวภาพแทนน้ำมันทั่วไป โดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และเป็นพลังงานหมุนเวียน 100 % ทั้งลดผลกระทบจาก CO2 ได้ถึง 85 % เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม
เชื้อเพลิงชีวภาพที่นำมาใช้เป็นรุ่นที่ 2 ของบริษัทฯ ผลิตจากของเหลือผลผลิตการเกษตร, ป่าไม้ และอุตสาหกรรมอาหาร โดยนำของเหลือจากกระบวนการผลิตมาผ่านการหมัก, จนย่อยสลายที่ทำให้เกิด (ethanol) หรือเอธิลแอลกอฮอล แล้วใช้สารเคมีแยกน้ำจากเอธานอล จนได้เอธิลีน (ethylene) แล้วนำไปผ่านกระบวนการปรับโมเลกุลไฮโดรคาร์บอน จนมีคุณสมบัติเทียบเท่าเชื้อเพลิงเบนซิน
Bentley มีแผนจะผลิตรถไฟฟ้าทุกรุ่น ภายในปลายทศวรรษนี้ โดยในปี 2569 จะเริ่มผลิตรถ พลัก-อิน ไฮบริด และรถไฟฟ้าแบทเตอรี (PHEV และ BEV) อย่างไรก็ตามขณะนี้ 84 % ของกระบวนการผลิตแบบเดิม ยังดำเนินการอยู่ คาดว่าเชื้อเพลิงชีวภาพจะเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับกระบวนการดังกล่าวในอนาคต ภายในบริเวณโรงงานผลิตที่ Crewe ยังตั้งถังบรรจุเชื้อเพลิงชีวภาพความจุ 1,200 ลิตร เพื่อใช้กับรถคลาสสิค และสื่อมวลชนใช้ทดสอบด้วย
ในการแข่งจับเวลาที่ Goodwoods นั้น Bentley Batur ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพทำเวลาได้ 55 วินาที ส่วน Bentayga ใช้เวลาไป 1 นาที 21 วินาที ในเส้นทางเดียวกัน แต่ลากทเรเลอร์บรรทุกฟางน้ำหนักถึง 2.5 ตัน ไปด้วย การลากฟางน้ำหนัก 2.5 ตัน ต้องการสื่อว่าฟางขนาดนี้สามารถผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพพอให้ Bentayga เดินทางได้ถึง 1,770 กม.
ในขณะที่อุตสาหกรรมผลิตรถกำลังเร่งพัฒนารถไฟฟ้าอย่างหนัก แต่ยังค้นคว้าพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกอย่างเชื้อเพลิงชีวภาพ และเชื้อเพลิงสังเคราะห์ (e-fuel) ต่อไป ปีทีแล้ว Porsche ได้ผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์ในชีลี ส่วนค่าย Stellantis ได้ทดสอบเชื้อเพลิงสังเคราะห์กับกลุ่มรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทั้งแบบเก่าและใหม่ แม้ว่าสหภาพยุโรปเปิดโอกาสให้บริษัทผู้ผลิตสามารถขายรถเครื่องยนต์สันดาปภายในเชื้อเพลิงสังเคราะห์ได้หลังปี 2578 ไปแล้วก็ตาม บทความแนะนำ

