ย้อนกลับไปผลงานของเขา ตั้งแต่การออกแบบรถระดับตำนานอย่าง McLaren MP4/3 และ MP4/4 ก่อนย้ายค่ายไปร่วมงานกันกับ Ferrari, Jaguar, Jordan, Sauber และกลับมาที่ McLaren ในปี 2538 สำหรับ McLaren MP4/4 เป็นหนึ่งในตำนานของรถแข่งสูตร 1 ที่คว้าชัยชนะถึง 15 ครั้ง จากการแข่งขัน 16 สนามในฤดูกาล 1988 (2531) บริษัท Nichols Cars มีแผนจะผลิตรถสปอร์ท N1A ออกมาทั้งสิ้น 100 คัน ใช้ขุมพลังแบบ วี 8 สูบ ความจุ 7.0 ลิตร ให้กำลัง 650 แรงม้า
เครื่องยนต์บลอค LS3 จาก Chevrolet และถูกพัฒนาไปอีกระดับ โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบหล่อลื่นแบบอ่างแห้ง (Dry Sump) ใช้คันเร่งไฟฟ้า พร้อมอัพเกรดลูกสูบ ก้านสูบ และกระบอกสูบใหม่ เป็นเครื่องยนต์ประกอบมือจาก Langford Performance Engineering (LPE) ซี่งเป็นแหล่งบูรณะเครื่องยนต์ของรถแข่งสูตร 1 ให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ของ Graziano Transmissioni ประเทศอิตาลี และในอนาคตอาจมีระบบเกียร์แบบอื่นให้เลือกเพิ่ม
Nichols Cars N1A มีน้ำหนักรวมเพียง 900 กก. เทียบกับ Mazda MX-5 เจเนอเรชัน ND ซึ่งเป็นรุ่นที่เบาที่สุด N1A มีน้ำหนักน้อยกว่าถึงร้อยละ 10 มีอัตราส่วนแรงม้า/ตัน อยู่ที่ 700 แรงม้า/ตัน และติดตั้งระบบ Traction control เป็นมาตรฐานจากโรงงาน ส่วนระบบเบรค ABS และระบบผ่อนแรงพวงมาลัย เป็นออพชันให้เลือกสั่งเพิ่ม การออกแบบรูปทรงสไตล์รถแข่งล้อปิดแบบ Can-Am โดยตัวรถของ N1A กว้างกว่า และมีระยะห่างฐานล้อหน้า/หลังยาวกว่า ใช้ล้อหน้า 19 นิ้ว และล้อหลัง 20 นิ้ว พร้อมยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 ระบบรองรับทั้งหน้า/หลัง แบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง
สำหรับแชสซีส์ขึ้นรูปจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และอลูมิเนียม ภายในคอคพิทตกแต่งเรียบง่ายแบบรถแข่ง เพื่อให้คนขับมีสมาธิกับการขับขี่ ข้างคนขับมีเบาะอีก 1 ที่นั่ง พร้อมเกียร์แบบรถสปอร์ทคลาสสิค ด้านนอกตัวรถติดตั้งกระจกมองข้างเหนือซุ้มล้อหน้าทั้ง 2 ฝั่ง
Nichols Cars ยังไม่ได้ประกาศราคาของ N1A แต่ด้วยกระบวนการผลิตที่เปลี่ยนได้ตามความต้องการลูกค้า คาดว่าราคาคงไม่ถูกแน่นอน 
