BYD Seal U รถเอสยูวีไฟฟ้า 100 % เตรียมเข้าไทยในปีหน้า
หลังจากที่ BYD ประสบความสำเร็จในการบุกตลาดนอกประเทศจีน โดยส่งรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ BYD Atto 3, BYD Dolphin และ BYD Seal ก็สามารถสร้างกระแส ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งในทวีปยุโรป ออสเตรเลีย รวมทั้งในประเทศไทย
โดยเฉพาะ BYD Seal รุ่น Top ที่ให้พละกำลังมากถึง 530 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที ในราคา 1.599 ล้านบาท สร้างความฮือฮา และกระแสหลายๆ ด้านในโลกโซเชียล และล่าสุดกับ BYD Seal U รถไฟฟ้าอันดับที่ 4 ของค่าย ในตระกูล Ocean เตรียมจะบุกตลาดโลก รวมถึงประเทศไทย
BYD Seal U ตัวรถถูกสร้างจากพื้นฐาน BYD Seal บน e-Platform 3.0 เดียวกัน แต่มาขยายตัวรถให้เป็นเอสยูวี ขนาดใหญ่กว่า BYD Atto 3 ในประเทศจีนจะใช้ชื่อว่า BYD Song Plus Champion Edition หนึ่งในตระกูล Dynasty สำหรับตลาดเมืองจีน ตั้งชื่อตามราชวงศ์จีน ทั้ง Han, Tang, Qin, Song และ Yuan โดยออกมาเพื่อแข่งกับ Tesla Model Y โดยเฉพาะ
ในด้านงานออกแบบ ตัวรถของ BYD Seal U นั้นจะมากับกระจังหน้าแบบปิดทึบ ฝากระโปรงลาดเอียง ชุดไฟหน้า LED และไฟ DRL ดีไซจ์นรูปตัว L วางเชื่อมต่ออยู่ด้านล่าง
ไฟท้ายมาตามแบบสมัยนิยมที่เป็นชุดไฟ LED วางพาดยาวเต็มส่วนท้าย กันชนท้ายติดตั้งดิฟฟิวเซอร์สีเงิน ด้านหลังรถรุ่นใหม่จะไม่มีคำว่า “Build Your Dreams” เหมือนกับรถรุ่นก่อนหน้า
BYD Seal U มีขนาดตัวรถยาว 4,785 มม. กว้าง 1,890 มม. สูง 1,660 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,765 มม. มีขนาดมิติตัวถังใหญ่กว่าทั้งรถเจ้าตลาดจากญี่ปุ่น และเพื่อนจากประเทศจีนเอง อาทิ
มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด ทั้ง Eco, Standard และ Sport มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรคกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo และมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) ทำให้รถสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ได้
BYD Seal U ต่างจากรุ่นพี่ตรงที่มีขุมกำลังให้เลือกทั้งในรูปแบบ PHEV และ EV และในส่วนของรุ่น PHEV จะมาพร้อมกับระบบไฮบริด DM-i โดยจะเป็นการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลัง 197 แรงม้า สามารถขับได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าระยะทาง 110-150 กม.
BYD Seal U เปิดตัวที่ยุโรปในงาน IAA Mobility 2023 ระหว่างวันที่ 5-10 กันยายน ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี งานมหกรรมยานยนต์ IAA Mobility กลับมาอีกครั้งในปีนี้ หลังจากผู้จัดได้เปลี่ยนชื่องานจาก Frankfurt Motorshow เมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมกับย้ายสถานที่จัดงานมาอยู่ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี