ข่าวจากประเทศจีน ระบุว่า MINI Cooper พลังไฟฟ้าใหม่ ออกจากฐานการผลิต Spotlight Automotive ในประเทศจีนแล้ว โรงงานผลิตแห่งนี้เป็นความร่วมมือของ Great Wall Motor (GWM) และ BMW ก่อตั้งในปี 2562 คาดว่า MINI ใหม่ จะวางตลาดทั่วโลกภายในครึ่งแรกของปี 2567
Spotlight Automotive ก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียน 1.7 ล้านหยวน (ประมาณ 8.61 ล้านบาท) เป็นแผนเร่งการผลิตรถไฟฟ้า MINI ในอนาคต โดยโรงงานที่เมืองจางเจียกัง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ทั้ง GWM และ BMW ถือส่วนแบ่งหุ้น 50 % เท่ากัน โดยโมเดลความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่ายเรียกว่า “การร่วมทุนโดยไม่ได้ร่วมทุน” โดยทั้ง 2 ฝ่ายร่วมมือกัน ทั้งการพัฒนา และผลิตรถ โดยรถที่ผลิตออกมา จะแยกขายไปยังเครือข่ายตลาดของแต่ละฝ่าย
โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตมาตรฐานเกินกว่า 1.6 แสนคัน/ปี ผลิตเฉพาะรถไฟฟ้าล้วนของ MINI 2 รุ่น ได้แก่ MINI Cooper และ MINI Countryman โดยรถที่ผลิตจากฐานการผลิตนี้ นอกจากจะจำหน่ายในจีนแล้ว ยังส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ อีกด้วย
รูปทรงภายนอกของ MINI Cooper ใหม่ ยังคงสไตล์คลาสสิคของรุ่นปัจจุบัน โดยใช้ชุดไฟหน้าทรงกลม กระจังหน้าทรงครึ่งวงกลม ด้านท้ายมีชุดไฟท้ายทรงสามเหลี่ยม และแถบไฟคล้ายธงอังกฤษ
ด้านข้างของตัวรถจะเห็นหลังคาแบบลอยตัวสีขาว ตัวถังสีฟ้าสดใส โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยลายแปลกตา สำหรับราคาค่าตัว และมิติของรถยังไม่มีการแจ้งรายละเอียด
MINI Cooper มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย โดยรุ่นเริ่มต้น MINI Cooper E ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 135 กิโลวัตต์ กับแบทเตอรีขนาด 40.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่วนรุ่นสูงสุด MINI Cooper SE ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 160 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 33.7 กก.-ม. กับแบทเตอรีขนาด 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที โดยมีระยะเดินทาง 402 กม. มาตรฐาน WLTP ทั้ง 2 รุ่นรองรับระบบชาร์จกระแสไฟสลับ 11 กิโลวัตต์ และกระแสตรง 95 กิโลวัตต์
ภายในห้องโดยสารไม่มีแผงอุปกรณ์แบบเดิมแล้ว โดยถูกแทนที่ด้วยระบบเฮดอัพดิสพเลย์ ตรงกลางของแผงอุปกรณ์มีจอแสดงผลทรงกลมขนาด 24 ซม. พร้อมระบบปฏิบัติการ MINI OS9 ถัดลงไปด้านล่างมีปุ่มควบคุมอุปกรณ์อยู่ในแผงอุปกรณ์ทรงรี ส่วนช่องแอร์เปลี่ยนเป็นแบบช่อง แทนที่ช่องแอร์ทรงกลมสไตล์คลาสสิคของเดิม