ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า รถยนต์ในอนาคตจะมีระบบประเมินความพร้อมของคนขับก่อนการขับรถ โดยขณะนี้มีการกำหนดในกฎหมาย “การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และบัญญัติการทำงาน” เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 โดยให้เวลา NHTSA ในการกำหนดมาตรฐานสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ต้องติดตั้งระบบตรวจสอบความพร้อมของคนขับ หากตรวจพบอาการที่บ่งบอกว่าคนขับมีระดับแอลกอฮอลสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ต้องมีระบบป้องกัน หรือจำกัดการใช้งานรถได้ โดยกฎหมายนี้จะต้องมีผลบังคับใช้ภายในปี 2569 ซึ่งผ่านการลงประชามติเกี่ยวกับกฎหมายนี้แล้ว และมีผลการลงประชามติ รับรองให้กฎหมายนี้อยู่ในระดับความสำคัญ “สูงสุด” โดยต้องมีเทคโนโลยีตรวจสอบอาการคนขับที่อาจมึนเมาครอบคลุมในทุกๆ ด้าน เพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานการตรวจสอบต่อไป
ตรวจสอบอะไรบ้าง ?
การตรวจระดับแอลกอฮอลด้วยการให้คนขับเป่าหลอดวัดระดับแอลกอฮอล นับว่าเป็นมาตรฐานที่ยอมรับสูงสุด และแม่นยำที่สุดในปัจจุบัน ส่วนการทดสอบการเดินเป็นเส้นตรง, ท่องตัวอักษรถอยหลัง และการทดสอบอื่นที่ใช้อยู่ในริมถนนอาจไม่สามารถวัดได้จริง นอกจากนั้นยังมีอีกวิธีที่ได้ผลดีในทางปฏิบัติ คือ การตรวจการเคลื่อนไหวของลูกตา ซึ่งมีผู้ผลิตรถหลายรายให้ความสำคัญกับวิธีการนี้ ซึ่งในทางปฏิบัติเจ้าพนักงานมักใช้วิธีให้คนขับมองตามการเคลื่อนไหวของนิ้วมือไปทางซ้าย, ขวา และมุมยก 45 องศา โดยไม่หันศีรษะตาม ซึ่งสามารถตรวจสอบความผิดปกติของการเคลื่อนไหวลูกตาได้ แต่วิธีนี้อาจไม่สามารถตรวจสอบการมึนเมาจากการเสพกัญชาได้
Bosch Drive : ระบบตรวจจับอาการมึนเมาขณะขับรถ
ปัจจุบันบริษัท Bosch มุ่งเน้นการตรวจจับการเคลื่อนไหวของลูกตา, ทั้งยังค้นคว้าร่วมกับ มหาวิทยาลัยเบิร์น (University of Berne), ศูนย์สุขภาพดิจิทอล CDHI (Center for Digital Health Interventions) ที่ซูริค และมหาวิทยาลัยเซนต์กัลเลน (St. Gallen) โดยห้องปฏิบัติการของ Bosch กำลังค้นคว้าวิธีการตรวจจับอาการอื่นๆ ที่เกิดจากการมึนเมาแบบเรียลไทม์ในเครือข่ายพื้นที่ควบคุม (Controller Area Network : CAN bus) นอกเหนือจากเซนเซอร์ข้อมูลที่มีอยู่ในรถปัจจุบัน ที่สามารถตรวจจับว่าผู้ขับขี่รถไม่มีความพร้อมสำหรับการขับรถ แต่ยังไม่มีมาตรการป้องกันเพิ่มเติม
Magna Senseair
ระบบของ Magna จะเริ่มตรวจสอบทันทีที่คนขับขึ้นมานั่งบนเบาะ คาดเข็มขัด และสตาร์ทเครื่องยนต์ มีการตรวจสอบอากาศภายในเวลาประมาณ 10-15 วินาที ด้วยท่อติดตั้งพัดลมดูดอากาศขนาดเล็กบริเวณพวงมาลัย เพื่อเก็บตัวอย่างลมหายใจของคนขับ แล้วตรวจสอบปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ และแอลกอฮอล ควบคู่กับกล้องระบุตำแหน่งนั่งของคนขับ เพื่อความมั่นใจว่าไม่ใช่ลมหายใจของคนอื่นที่เป่ามายังพวงมาลัย (แล้วเปรียบเทียบกับสภาพอากาศในรถ ที่อาจมีการระเหยจากน้ำยาล้างมือ หรือวอดกาที่หกบนพรม) หากตรวจพบปริมาณแอลกอฮอลในระดับใกล้เคียงกับที่กฎหมายกำหนด ระบบจะแจ้งให้คนขับมองไปยังกล้อง เพื่อตรวจความผิดปกติของการเคลื่อนไหวของลูกตาทันที
ต้องกำหนดมาตรการที่เหมาะสม
ปัจจุบันเมื่อระบบทราบว่าคนขับไม่พร้อมสำหรับการขับขี่ ควรมีมาตรการการป้องกัน หรือจำกัดการใช้งานของรถ ถ้าพบว่าคนขับมีอาการมึนเมา ระบบอาจควบคุมให้รถเข้าจอดข้างทาง หรืออาจมีการแสดงเครื่องหมายเตือนให้คันอื่นทราบอย่างชัดเจนว่า คนขับรถคันนั้นอยู่ในอาการมึนเมา และบันทึกลงในกล่องดำของรถ ซึ่งนำไปใช้เป็นหลักฐานยืนยันหากมีอุบัติเหตุหลังจากนั้น ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นการปรามคนขับให้หยุดการใช้รถ ในขณะที่มีอาการมึนเมา และคงต้องติดตามต่อไปว่าในอนาคตจะมีการใช้เทคโนโลยีอะไร ในการป้องกันคนขับที่มีอาการมึนเมานำรถออกสู่ท้องถนน