Motorcycle
Yamaha เปิด “โครงการหมวกกันนอค Yamaha ขนาดเล็ก”
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ฉลองครบรอบ 60 ปี ผู้ดำเนินธุรกิจรถจักรยานยนต์ Yamaha รถจักรยานยนต์คุณภาพที่อยู่คู่คนไทยมากว่าครึ่งศตวรรษ ผลิตรถจักรยานยนต์ รุ่นพิเศษ “Yamaha Fino Final Edition” จำนวน 999 คัน โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายมาพัฒนา และผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) โดยการร่วมมือหน่วยงานจากภาครัฐ และเอกชนในการเริ่มโครงการผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ได้มาตรฐานการผลิต เพื่อลดการสูญเสียเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยมีจุดประสงค์ที่สำคัญในการเสริมความปลอด ภัยให้แก่เด็กเล็ก เยาวชน รวมถึงสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะขนาดเล็ก ให้ได้รับความปลอดภัย และลดการสูญเสียเมื่อสวมใส่หมวกนิรภัยทุกครั้งที่ใช้รถจักรยานยนต์ ด้วยหมวกนิรภัยที่ได้รับมาตรฐานการผลิตที่ผ่านมาตรฐาน มอก. 369-2557 ที่มีความปลอดภัยสูงสุดเมื่อใช้งานจริงบนท้องถนน
พงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดโครงการในครั้งนี้ว่า “บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เราตระหนัก และให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และการป้องกันอุบัติเหตุเพื่อลดการสูญเสีย ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายเสริมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนของรัฐบาลมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากโครงการ และกิจกรรมต่างๆ ของ Yamaha เช่น การจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ Yamaha (YRA) การอบรมขับขี่ปลอดภัย การสนับสนุนหมวกนิรภัยให้แก่หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้เนื่องในวาระโอกาสครบรอบ 60 ปี ของ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย จึงได้จัดโครงการหมวกกันนอค Yamaha ขนาดเล็ก” (หมวกกันนอคขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม - มอก.) เพื่อสานต่อโครงการ CSR เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนระดับประเทศ มาร่วมกันพัฒนา และผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และลดการบาดเจ็บสูญเสียบนท้องถนนของเด็ก และเยาวชนของชาติต่อไป
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมเพื่อสังคมของไทยยามาฮ่ามอเตอร์ฯ ในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้เกิดหมวกนิร ภัยขนาดเล็กสำหรับเด็ก และเยาวชนไทยที่มีมาตรฐาน มีผู้ผลิตให้ความสำคัญ และสนใจผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กออกสู่ท้องตลาดมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ปกครองได้นำให้บุตรหลานได้ใช้งานต่อไป
เธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความยินดีกับ บริษัท ไทยยามาฮ่ามาเตอร์ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลา 60 ปี แสดงถึงความเชื่อมั่นของคนไทยในผลิตภัณฑ์ “Yamaha” ในส่วนของกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ภายใต้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อจัดการสาธารณภัยอย่างเป็นระ บบ โดยมีภารกิจหน้าที่ในการจัดทำแผนแม่บท วางมาตรการ ส่งเสริมสนับสนุน การป้องกัน บรรเทา และฟื้นฟูจากสาธารณภัย รวมทั้งติดตามประเมินผล เพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยมีศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เรียกโดยย่อว่า “ศปถ.” มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และมีคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เรียกโดยย่อว่า “คณะกรรมการ ศปถ.” มีหน้าที่หลักในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนแม่บท แผนงานด้านการป้อง กัน และลดอุบัติเหตุทางถนน ปฏิบัติงานร่วมกับ หรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ทางกรมฯ ขอสนับสนุน และขอขอบคุณทาง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และภาคเอกชนที่ร่วมจัดทำ โครงการหมวกกันนอค Yamaha ขนาดเล็กเพื่อสังคม ซึ่งนับเป็นโครงการตัวอย่างที่ดีโครงการหนึ่งที่จะช่วยสนับ สนุนขับเคลื่อน การรณรงค์เพื่อป้องกัน และลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางท้องถนนในประเทศไทย ที่เป็นวาระแห่งชาติ ที่เราทุกคนควรร่วมมือกัน
อุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่วางแผนการค้าและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึง โครงการหมวกกันนอค Yamaha ขนาดเล็ก (หมวกกันนอคขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม - มอก.) ในครั้งนี้ว่า “เนื่องในวาระโอกาสครบรอบ 60 ปี ของบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เราได้จัดกิจกรรม และโครงการที่หลากหลาย ที่มีส่วนร่วมของผู้จำหน่าย และลูกค้าในทุกๆ กิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเพื่อสังคมด้านความปลอดภัยทางท้องถนน เพื่อลดการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยความตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับความปลอดภัยทางท้องถนนอย่างต่อเนื่อง และในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดี ทางบริษัทฯ จึงได้ผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นพิเศษ “Yamaha Fino Final Edition” จำนวน 999 คัน ออกจำหน่าย เพื่อนำรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายไปพัฒ นา และผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) จำนวน 12,000 ใบ เป็นการระดมทุนจากลูกค้าเพื่อลูกค้า และทาง Yamaha ได้สมทบทุนเพิ่มเติม เพื่อให้สังคมนี้น่าอยู่ร่วมกัน โดยทางบริษัทฯ ร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ Yamaha ทั่วประเทศ นำหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ได้มาตรฐานการผลิต ไปบริจาคให้แก่หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ สถานศึกษา และหน่วยงานเอกชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งต่อให้แก่เด็ก และเยาวชน รวมถึงสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะขนาดเล็ก ได้ใช้หมวกนิรภัยที่เหมาะสมกับขนาดของศีรษะ และได้ใช้หมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานการในการผลิต ซึ่งในโอกาสนี้ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่รถจักรยาน ยนต์ และประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักถึงความปลอดภัย และรับรู้ถึงโครงการนี้
นอกจากนี้ Yamaha ยังได้รณรงค์การใส่หมวกนิรภัยด้วย โดยจัดทำ VDO รณรงค์การใส่หมวกนิรภัย เผยแพร่ในช่องทางต่างๆ ทั้งของบริษัทฯ และผู้จำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงทำกิจกรรมร่วมกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศเพื่อให้เกิดการรับรู้ ให้ความรู้ และรณรงค์อย่างแพร่หลาย รวมถึงหน่วยงานรัฐต่างๆ ที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยบนท้องถนน สุดท้ายนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้กิจกรรมเพื่อสังคมของไทยยามาฮ่ามอเตอร์ฯ ในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการกระตุ้นที่ให้ผู้ผลิตหมวกนิรภัยร่วมกันผลิตหมวกขนาดเล็กสำหรับเด็ก เยาวชน และสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะขนาดเล็กที่ได้รับมาตรฐานการผลิตที่แท้จริง ออกสู่ท้องตลาดมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ให้เหมาะสมต่อไป
องอาจ ฉัตรวรชัย ผู้จัดการ บริษัท เอส.วาย.เค. ออโต้พาร์ต อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือในการพัฒนา และผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมว่า “ก่อนอื่นทางบริษัท เอส.วาย.เค. ออโต้พาร์ต อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด รู้สึกเป็นเกียรติ และขอขอบคุณ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ที่มอบความไว้วางใจให้บริษัทฯ ของเราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฉลองครบรอบ 60 ปี ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ฯ ในการผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ผ่านมาตรฐาน (มอก.) เพื่อนำไปบริจาคในกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ของไทยยามาฮ่ามอเตอร์ฯ ปัจจุบันโรงงานของเรา ถือเป็นโรงงานที่มีศักยภาพสูง และมีกำลังการผลิตกว่า 7,000 ใบ ต่อวัน มียอดขายเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ซึ่งในปี 2566 มียอดขายหมวกนิรภัยกว่า 1,000,000 ใบทั่วโลก โดยมียอดจำหน่ายในประเทศไทยประมาณ 700,000 ใบ ต่างประเทศประมาณ 300,000 ใบ และเป็นโรง งานในประเทศไทยที่ผลิตหมวกนิรภัยตามมาตรฐานการผลิตเลขที่ มอก. 369-2557 ที่ถูกปรับปรุงใหม่ โดยยึด ถือมาตรฐานการผลิตของยุโรป คือ มาตรฐาน ECE-2205 และมาตรฐานการผลิตจากสหรัฐอเมริกา คือ มาตรฐาน DOT FMVSS-218 ซึ่งสามารถผลิต และจำหน่ายหมวกนิรภัยได้มาตรฐานส่งออกไปต่างประเทศ กว่า 30 ประ เทศทั่วโลก ซึ่งหมวกนิรภัยโดยทั่วไปที่ได้รับมาตรฐานนี้มีขนาดเล็กสุดเริ่มต้นที่เส้นรอบวงศีรษะ 50 ซม. ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทดลองผลิต และจำหน่ายหมวกขนาดเส้นรอบวงศีรษะขนาด 50 ซม. แล้วพบว่ายังไม่ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานที่มีอายุน้อย หรือสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะเล็กเท่าที่ควร เนื่องจากยังมีขนาดที่เล็กเกินไป โดยจะใช้ ได้แต่เด็กเล็กที่ยังไม่เหมาะแก่การโดยสารรถจักรยานยนต์ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ปรับเพิ่มขนาดหมวกให้มีขนาดเส้นรอบวงศีรษะที่ 54 ซม. ทำให้เด็กที่มีอายุระหว่าง 7-11 ปี รวมทั้งสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะเล็ก สามารถสวมใส่ได้อย่างปลอดภัย
ซึ่งจากโครงการของทางไทยยามาฮ่ามอเตอร์ฯ ในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ จะต่อยอดการผลิต และจำหน่ายหมวกนิร ภัยขนาดเล็กที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) สำหรับเด็ก เยาวชน และสุภาพสตรีที่มีขนาดศีรษะขนาดเล็กในราคาที่เหมาะสม เพื่อสนองนโยบายภาครัฐ ในการช่วยป้องกันการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
อนุรักษ์ ชัยวิเชียร ผู้อำนวยการกลุ่มควบคุมมาตรฐาน 6 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่างถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ในปัจจุบันประเทศไทยมีการผลิต และนำเข้าหมวกนิรภัย ซึ่งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก. 369-2557 ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล UNECE Regulation No. 22 โดยครอบคลุมหลายด้าน เพื่อประเมินความปลอดภัย และความทนทานของหมวกนิรภัย มีรายละเอียดการทดสอบ เช่น การทดสอบการดูดกลืนแรงกระแทก การทดสอบความคงรูป การทดสอบสายรัดคาง การทดสอบการคงตำแหน่งบนศีรษะ การทดสอบคุณลักษณะแผ่นบังลม (ถ้ามี) โดยการทดสอบเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าหมวกนิรภัยที่ผ่านมาตรฐาน มอก. 369-2557 มีความปลอดภัยสูงสุดเมื่อใช้งานจริงบนท้องถนน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดการกระแทกหรืออุบัติเหตุ ซึ่งมาตรฐานนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2559 เป็นต้นมา โดยผู้ผลิต และผู้นำเข้าหมวกนิรภัย จะต้องได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. ก่อนที่จะผลิต หรือนำเข้ามาจำหน่ายจ่ายแจก และต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พศ. 2511 อย่างเคร่งครัด และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
ทั้งนี้ บทลงโทษเป็นไปเพื่อปกป้องคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่มีคุณภาพ สำ หรับการเลือกซื้อหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ควรพิจารณาสังเกตเครื่องหมาย มอก. พร้อม QR Code ที่แสดงอยู่บนผลิตภัณฑ์ หรือกล่องบรรจุ ที่ผู้บริโภคสามารถสแกน QR Code เพื่อตรวจสอบรายละเอียดผลิต ภัณฑ์ของผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า ที่ได้รับอนุญาตจาก สมอ. ได้ ทั้งนี้ หากพบว่าไม่เป็นไปตามที่กำหนด สามารถแจ้งหรือร้องเรียนมาที่ สมอ. ผ่านเวบไซท์ www.tisi.go.th และอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน มอก. หากเกิดอุ บัติเหตุอาจได้รับอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน แต่หากใช้หมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานก็จะช่วยลดความสูญเสียลงได้
นพ. อนุชา เศรษฐเสถียร ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงความร่วมมือในการพัฒนา และผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมว่า ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความยินดีกับ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาถึง 60 ปี และยินดีกับการมุ่งพัตนามาตรฐานหมวกนิรภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะหมวกนิรภัยขนาดเล็กเพื่อเด็ก เยาวชน และสุ ภาพสตรี ให้ได้ใช้หมวกนิรภัยที่ได้รับมาตรฐานการผลิต เพื่อลดการสูญเสียเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์บนท้องถนน ซึ่งประเทศไทยรับหลักการข้อตกลงของมติสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่ 74/299 “ประกาศทศวรรษแห่งความปลอดภัย ทางถนนในปี คศ. 2021-2030” (Decade of Action for Road Safety 2021-2030) และได้ประกาศเป็นเป้าหมายของแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนฉบับปัจจุบันแล้วว่า มุ่งลดจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนลงให้ได้เกินครึ่งภายในปี พศ. 2570 คือ เหลือเพียงประมาณ 8,000 กว่าราย นั่นคือ ลดลงเกินครึ่งเร็วขึ้นกว่าข้อตกลงจากเวทีโลก โดยจากสถิติของการเกิดอุบัติเหตุในปี พศ. 2565 มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร ประมาณ 17,000 ราย กว่าร้อยละ 80 เกิดกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตเกิดจากการไม่สวมใส่หมวกนิรภัย หรือหมวกกันนอค โดยในประเทศไทยมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่สวมหมวกนิรภัยเพียงร้อยละ 40-50 % ซึ่งถือว่าน้อยหากเปรียบเทียบกันกับประเทศอื่นๆ และยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่โดยสารรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยมีผู้ที่สวมหมวกนิรภัยเป็นจำนวนน้อยมากๆ การเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์จึงมีความแตกต่างกัน โดยคนที่ไม่สวมหมวกนิรภัยเสียชีวิตมากกว่าคนที่สวมหมวกนิรภัยถึงร้อยละ 40 % แปลว่า ถ้าคนไทยร่วมใจสวมหมวกนิรภัยมากขึ้น การเสียชีวิตโดยรวมของไทยน่าจะลดลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการรณรงค์ และบังคับให้ทุกคนสวมหมวกนิรภัย เป็นกุญแจสำคัญที่จะลดการบาดเจ็บ และการเสียชีวิตบนท้องถนนได้ แต่การสร้างความมั่นใจว่าทุกคนจะได้สวมหมวกนิรภัยที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพ ไม่แพงเกินเอื้อม สามารถสวมใส่ และรัดคางได้อย่างถูกต้อง จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทาย และเร่งด่วนมากในขณะนี้ เพื่อจะได้ไม่เพียงลดการเสียชีวิต แต่ยังคงปกป้องการกระทบกระเทือนต่อสมอง โดยเฉพาะสมองของเด็ก และเยาวชน
สำหรับหมวกนิรภัยขนาดเล็กภายใต้ “โครงการหมวกกันนอค Yamaha ขนาดเล็ก” (หมวกกันนอคขนาดเล็กที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม-มอก.) ได้มีการออกแบบโดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เน้นสีสันที่สด ใส มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 54 ซม. เหมาะกับเด็ก และเยาวชน อายุระหว่าง 7-11 ปี หรือสุภาพสตรีที่มีศีร ษะขนาดเล็ก ควบคุมการพัฒนา และผลิตโดย บริษัท เอส.วาย.เค. ออโต้พาร์ต อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตหมวกนิรภัยชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์สินค้า Index ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตหมวกนิรภัยตามมาตรฐานการผลิตเลขที่ มอก. 369-2557 ที่ถูกปรับปรุงใหม่ จึงมั่นใจได้ว่าหมวกนิรภัยในโครงการฯ เป็นหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน สามารถสวมใส่ได้อย่างมั่นใจ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุ และลดการบาดเจ็บสูญเสียบนท้องถนน
โดยบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จะมีการผลิตจำนวน 12,000 ใบ และจะบริจาคส่งมอบให้แก่หน่วยงานภาครัฐ สถานศึกษา และหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้อง ภายในปี 2567 โดยร่วมกับผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่ในการส่งมอบหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานให้แก่เด็ก และเยาวชน เพื่อสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนต่อไป