บริษัท เชลล์ จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่การอัพเดทข้อมูลการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวกลยุทธ์ Powering Progress ในปี คศ. 2021 ในงาน Capital Markets Day ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนมิถุ นายน 2023 นั้น Shell ได้เน้นย้ำถึงแนวทางของกลยุทธ์นี้ที่จะนำมาใช้ในการสร้างมูลค่าที่มากขึ้นควบคู่กับการลดการปล่อยแกสเรือนกระจก โดยในงาน Capital Markets Day นั้น Shell มุ่งเน้นที่ "การสร้างมูลค่าที่มากขึ้น" ส่วนในการอัพเดทการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานครั้งนี้ Shell มุ่งเน้นไปที่วิธีการที่กลยุทธ์เดียวกันนี้จะช่วย "ลดการปล่อยแกสเรือนกระจก"
เป้าหมายของเราที่จะบรรลุการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน คศ. 2050 ในการดําเนินงาน และผลิต ภัณฑ์พลังงานทั้งหมดนี้กำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจของเรา เราเชื่อว่าเป้าหมายนี้จะช่วยให้บรรลุความมุ่งมั่นที่ท้า ทายของข้อตกลงปารีสในการจํากัดภาวะโลกร้อนให้ไม่เกิน 1.5°C เหนือระดับอุณหภูมิก่อนยุคปฏิวัติอุตสาห กรรม กลยุทธ์ของ Shell สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่โซลูชันพลังงานคาร์บอนต่ำอย่างสมดุล และมีแบบแผนเพื่อรักษาแหล่งพลังงานที่มั่นคง และมีระดับราคาที่จับต้องได้
วาเอล ซาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดของบริษัท เชลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พลังงานมีส่วนช่วยในการพัฒนาของมนุษย์อย่างมากมาย ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกจำนวนมากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปัจจุบัน โลกต้องตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้องจัดการกับความท้าทายเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอา กาศ ผมรู้สึกมีกำลังใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในหลายประ เทศ และเทคโนโลยีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ของผมในทิศทางของกลยุทธ์เรา
“Shell มีบทบาทสำคัญมากในการจัดหาพลังงานที่โลกต้องการในปัจจุบัน และในการช่วยสร้างระบบพลังงานคาร์ บอนต่ำสำหรับอนาคต การมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพ วินัย และความเรียบง่ายในกระบวนการทำงานของเรา ช่วยผลักดันให้เกิดการตัดสินใจที่ชัดเจน ในจุดที่เราสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดจากการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่นักลงทุน และลูกค้าของ Shell เราเชื่อว่า การมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพ วินัย และความเรียบง่ายนี้จะยิ่งทำให้เรามีโอกาสบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศมากขึ้น โดยการจัดหาพลังงานประเภทต่างๆ ที่โลกต้องการ เราเชื่อว่า Shell เป็นทั้งทางเลือกสำหรับการลงทุน และพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุด ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานนี้”
แผนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของ Shell ครอบคลุมธุรกิจทั้งหมด กาซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และ Shell กำลังขยายธุรกิจ LNG ชั้นนำของโลกด้วยความเข้มข้นของคาร์บอนที่ต่ำลง นอกจากนี้ Shell ยังมุ่งเน้นการลดการปล่อยแกสเรือนกระจกจากการผลิตน้ำมัน และแกส ในขณะที่ยังคงรักษาระดับการผลิตน้ำมันให้คงที่ และเพิ่มยอดขายพลังงานคาร์บอนต่ำ รวมถึงทยอยลดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมัน เช่น น้ำมันเบนซิน ดีเซล และน้ำมันเครื่องบิน ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ค้าพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก Shell สามารถเชื่อมโยงการจัดหาพลังงาน คาร์บอนต่ำเพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่เราเคยทำมาเป็นเวลานานกับธุรกิจน้ำมัน และแกส
เป้าหมายด้านสภาพอากาศของ Shell มีความคืบหน้าที่ดีมากดังนี้
⦁ ในปี คศ. 2023 เชลล์บรรลุความสำเร็จไปแล้วกว่า 60 % จากเป้าหมายที่จะลดการปล่อยแกสเรือนกระจก จากการดำเนินงานลงครึ่งหนึ่งภายในปี คศ. 2030 เมื่อเทียบกับ ปี คศ. 2016 ซึ่งถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่กำ หนดโดยผู้ลงนามในกฎบัตรการลดปริมาณคาร์บอนของอุตสาหกรรมน้ำมัน และแกส (Oil and Gas Decarboni zation Charter) ที่ตกลงกันในเวทีการประชุมสมัชชาภาคีประเทศอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 28 (COP28)
⦁ Shell ยังคงเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในการลดการปล่อยแกสมีเทน โดยเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุการปล่อยแกสมีเทนเกือบเป็นศูนย์ภายในปี คศ. 2030 โดยในปี คศ. 2023 Shell บรรลุการปล่อยความเข้มข้นของแกสมีเทนที่ 0.05 % ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ 0.2 % อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ในปี คศ. 2023 Shell ยังได้ให้การสนับสนุนกองทุน World Bank’s Global Flaring and Methane Reduction ของธนาคารโลกเพื่อสนับสนุนการดำเนินการร่วมกันของทั้งอุตสาหกรรมเพื่อการลดการปล่อยแกสมีเทน และการเผาแกสธรรมชาติเพื่อลดแรงดันในกระบวนการผลิต
ในปี คศ. 2023 Shell บรรลุเป้าหมายด้านความเข้มข้นของคาร์บอนสุทธิของผลิตภัณฑ์พลังงานที่จำหน่าย โดยลดลง 6.3 % เมื่อเทียบกับปี คศ. 2016 ซึ่งเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่ Shell บรรลุเป้าหมาย Shell กำลังเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่ปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านด้านพลัง งาน โดยที่มีจุดแข็งที่สามารถแข่งขันได้ มองเห็นความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และเข้าใจชัดเจนกับกฎระ เบียบที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อผลักดันการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคขนส่ง Shell ตั้งเป้าความท้า ทายใหม่ในการลดการปล่อยแกสเรือนกระจกจากการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันโดยลูกค้าลง 15-20 % ภายในปี คศ. 2030 เมื่อเทียบกับปี คศ. 2021 (ขอบเขตที่ 3, หมวดที่ 11)
การมุ่งเน้นไปยังจุดที่ Shell สามารถสร้างมูลค่าได้สูงสุด นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจไฟฟ้าแบบบูรณาการ Shell วางแผนที่จะสร้างธุรกิจไฟฟ้า รวมถึงพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในภูมิภาคต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย ยุโรป อินเดีย และสหรัฐอเมริกา และ Shell ได้ถอนตัวการจัดหาพลังงานแก่ลูกค้ารายย่อยระดับครัวเรือนในยุโรป
เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในการจัดลำดับความสำคัญของมูลค่ามากกว่าปริมาณในธุรกิจไฟฟ้า เราจะให้ความสำคัญกับการเลือกตลาด และกลุ่มลูกค้า ซึ่งรวมถึงการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าภาคธุรกิจมากขึ้น และลดการขายให้แก่ลูกค้ารายย่อยลง การที่เราให้ความสำคัญกับมูลค่าเช่นนี้ Shell คาดว่าจะทำให้อัตราการเติบโตของยอดขายไฟฟ้าโดยรวมลดลงภายในปี คศ. 2030 ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับเป้าหมายความเข้มข้นของการปล่อยคาร์บอนสุทธิของ Shell ปัจจุบัน Shell มีเป้าหมายความเข้มข้นของคาร์บอนสุทธิจากผลิตภัณฑ์พลังงานที่จำหน่ายลง 15-20 % ภายในปี คศ. 2030 เมื่อเทียบกับปี คศ. 2016 และเทียบกับเป้าหมายเดิมที่ 20 % ทั้งนี้ Shell จะยังคงรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเป้าหมาย และความมุ่งมั่นของเราอย่างโปร่งใสทุกปี
ขับเคลื่อนสู่อนาคตที่มีการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ระหว่างปี คศ. 2023 ถึงปลายปี คศ. 2025 Shell ได้ลงทุนจำนวน 10,000-15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโซลูชันพลังงานคาร์บอนต่ำ ซึ่งทำให้ Shell กลายเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยในปี คศ. 2023 Shell ลงทุน 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในโซลูชันพลังงานคาร์บอนต่ำ หรือคิดเป็นกว่า 23 % ของการลง ทุนทั้งหมด
การลงทุนเหล่านี้ครอบคลุมถึงสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เชื้อเพลิงชีวภาพ พลังงานหมุนเวียน ไฮโดรเจน การดักจับ และกักเก็บคาร์บอน การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยลดการปล่อยแกสเรือนกระจกทั้งสำหรับ Shell และลูกค้า Shell มุ่งมั่นที่จะช่วยปรับขนาดเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้กลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับลูกค้า และยังมุ่งเน้นการผลักดันนโยบายสำคัญ ในด้านต่างๆ ที่ Shell เชื่อมั่นว่ามีความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เช่น นโยบายที่สนับสนุนเป้าหมายการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศ รวมถึงราคาคาร์ บอน การจัดหาพลังงานที่มั่นคงตามความต้องการของโลก
การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงความต้องการ และการเติบโตของโซลูชันพลังงานคาร์บอนต่ำ
1การปล่อยแกสเรือนกระจกของลูกค้าจากการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันของ Shell (ขอบเขตที่ 3, หมวดที่ 11) อยู่ที่ 517 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ในปี คศ. 2023 ซึ่งลดลงจาก 569 ล้านตันคาร์บอนไดออก ไซด์เทียบเท่า (CO2e) ในปี คศ. 2022