ระเบียงรถใหม่
Xiaomi SU7 ยอมขายขาดทุน เพื่อต่อสู้กับสงครามราคารถ EV ในจีน
Xiaomi SU7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าซีดานคันแรกของ Xiaomi Automobile Co., Ltd. ด้วยความร่วมมือกับบริษัทรถยนต์ Beijing Automotive Group Co., Ltd. (BAIC) เป็นผู้ผลิตรถยนต์จีน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองซุนยี่ กรุงปักกิ่ง ก่อตั้งขึ้นในปี 2501 เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 6 ของจีน โดยมียอดขาย 1.723 ล้านคัน ในปี 2564
BAIC ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Mercedes-Benz โดยถือหุ้น 9.98 % ของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน
Xiaomi ประกาศความตั้งใจที่จะเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนมีนาคม 2021 โดย Lei Jun ซีอีโอของ Xiaomi กล่าวว่า ได้ลงทุนเงิน 1 หมื่นล้านหยวน (1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อพัฒนารถไฟฟ้าคันแรก เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในเดือนเมษายน 2022 และแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว โดยได้เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของค่าย SU7 เปิดตัวครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2023 เปิดราคา และรับจองรถ อย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มีนาคม 2023
Xiaomi SU7 ย่อมาจาก "Speed Ultra" ได้รับการพัฒนาภายใต้ชื่อรหัส MS11 ทีมออกแบบนำโดยหัวหน้านักออกแบบ Li Tianyuan ซึ่งเป็นคนออกแบบ BMW iX และยังได้เพิ่ม Chris Bangle อดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ BMW ในช่วงปี 1992-2009 หลังจากทำงานให้แก่ Opel และ Fiat ในช่วงปี 1980
Xiaomi ต้องการออกรถรุ่นนี้ออกมาเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดของ Tesla โดยตรง ซึ่งปัจจุบัน Xiaomi เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 12 % ตัวรถถูกออกแบบให้มีแอโรไดนามิค มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศเพียง 0.195 Cd ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดารถซีดานที่วางจำหน่าย
มีการออกแบบดีไซจ์นคล้ายรถสปอร์ทสุดหรู ไฟหน้าแบบ Matrix ADB ดีไซจ์นโฉบเฉี่ยว เมื่อมองด้านข้างมีความคล้ายกับ Porsche Taycan ที่ด้านท้ายจะมากับไฟท้าย LED แบบ Halo Ring ที่ออกแบบเป็นรูปตัว C ที่วางพาดเชื่อมกันเต็มพื้นที่ด้านหลัง พร้อมด้วยสปอยเลอร์ท้ายไฟฟ้าที่สามารถยกขึ้นได้แบบอัตโนมัติ
Xiaomi SU7 ถูกสร้างขึ้นบนพแลทฟอร์ม Modena ของ Xiaomi โดยมีความยาวตัวรถอยู่ที่ 4,997 มม. ความกว้าง 1,963 มม. ความสูง 1,450 มม. และมีระยะฐานล้อ 3,000 มม. ที่เก็บของใต้ฝากระโปรงด้านหน้ามีความจุมากถึง 105 ลิตร และพื้นที่เก็บของด้านท้าย ที่มีความจุ 517 ลิตร
ภายในห้องโดยสารออกแบบได้อย่างสวยงามล้ำสมัย โดยหน้าจอกลางควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ ที่มีความละเอียด 3K ขนาด 16.1 นิ้ว จอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7.1 นิ้ว และยังมีหน้าจอ HUD ขนาดใหญ่ รวมถึงติดตั้งหน้าจอแทบเลท Xiaomi Pad 6S Pro สำหรับผู้โดยสารตอนหลังอีก 2 จอ
และมาพร้อมระบบปฏิบัติการ HyperOS ขับเคลื่อนโดย Qualcomm Snapdragon 8295 ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (ADAS) Xiaomi Pilot ขับเคลื่อนโดยชิพ Nvidia Orin-X 2 ตัว มีช่องแช่ร้อน-เย็น ที่เก็บกระป๋องน้ำได้ถึง 6 กระป๋อง
Xiaomi SU7 มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Standard RWD, SU7 Pro และ SU7 Max เคาะราคาจำหน่ายระหว่าง 215,900-299,900 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราว 1.09-1.5 ล้านบาท
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ใน SU7 มีชื่อรุ่นว่า HyperEngine V6 Series รุ่น "Standard RWD" ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 295 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.28 วินาที ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 201 กม./ชม. แบทเตอรี LFP Blade ของ BYD ความจุ 73.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 700 กม. (CLTC) มาพร้อมสถาปัตยกรรม 400V ชาร์จ 15 นาที วิ่งได้ 350 กม.
รุ่น "SU7 Pro" ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจะเหมือนกับในรุ่น Standard RWD แต่จะใช้แบทเตอรีของ CATL ที่ขนาดใหญ่กว่ามีความจุ 94.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทางไกล 830 กม. (CLTC)
รุ่น "SU7 Max" ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังรวม 663 แรงม้า แรงบิด 838 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.78 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 265 กม./ชม. แบทเตอรีจะเป็น NMC ของ CATL Qilin ขนาดความจุ 101 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทาง 800 กม. (CLTC) มาพร้อมสถาปัตยกรรม 800V ชาร์จไว 5 นาที สามารถวิ่งได้ไกล 220 กม. ชาร์จ 15 นาที วิ่งได้ไกลสุด 510 กม. มาพร้อมสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ
Xiaomi ยังวางแผนที่จะเปิดตัวรุ่นที่ใช้แบทเตอรีขนาด 132 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ 150 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในอนาคต อีกไม่นาน
ช่วงล่างระบบกันสะเทือนแบบถุงลมแบบปรับได้ ด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ จะมากับระบบ Xiaomi Pilot ADAS ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง LIDAR, เรดาร์คลื่น 3 มม., กล้อง HD 11 ตัว และเรดาร์อุลทราโซนิค 12 ตัว ที่สามารถตรวจจับวัตถุได้ไกลสูงสุดถึง 500 เมตร มาพร้อมระบบการขับขี่อัตโนมัติ
Xiaomi SU7 ในจีน จะมีสีตัวรถให้เลือกมากถึง 9 เฉด สีภายในห้องโดยสารจะมี 4 สี โดย Xioami SU7 จะเริ่มส่งมอบรถได้ในช่วงปลายเดือนเมษายน โดยจากการเปิดตัวได้รับคำสั่งซื้อมากถึง 50,000 คัน ภายในเวลาเพียง 27 นาที หลังจากเปิดการขาย เพิ่มเป็นจำนวน 88,898 คัน ภายใน 24 ชั่วโมง หลังการเปิดตัว (ภาพบรรยากาศ Xiaomi SU7 ที่ร้าน Experience Store ในปักกิ่ง)
โรงงาน Xiaomi Beijing มีกำลังการผลิตรถยนต์ 150,000 คัน/ปี ในระยะแรก และเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 คัน ในระยะที่ 2 ซึ่งหมายความว่าในปีนี้ สามารถผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 100,000 คัน ทำให้คนที่จองรถในวันนี้กว่าจะได้รับรถ ต้องรอถึงปีหน้า
การที่ Xiaomi SU7 ได้รับการตอบรับอย่างดี อาจไม่ใช่แค่เรื่องราคาเพียงอย่างเดียว หากเทียบกับรถซีดานไฟฟ้าคู่แข่งจาก Geely-Zeekr 007 ที่มีสเปคที่ใกล้เคียงกัน แต่มีราคาที่ถูกกว่า 6,000 หยวน และยังเหนือกว่า Xiaomi SU7 ในแง่ของกำลัง เนื่องจากมีมอเตอร์ขนาด 415 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร ในขณะที่ SU7 มีกำลัง เพียง 295 แรงม้าเท่านั้น
มีเหตุผล 2 ประการ ที่ทำให้ SU7 ประสบความสำเร็จ ประการแรก บุคลิกของ Lei Jun CEO ของ Xiaomi เขาเป็นกูรูด้านการตลาด สามารถจุดประกายความตื่นเต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเขาได้ มีบุคลิกกลิ่นอายคล้าย Steve Jobs ตัวเขาได้รับคำแนะนำมากมายจากซีอีโอของคู่แข่ง อาทิ Nio, Li Auto และ Xpeng ซึ่งเขาเชิญให้เข้าร่วมงานเปิดตัว SU7 ในครั้งนี้
ประการที่ 2 Xiaomi ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ในประเทศจีนแล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ครัวเรือนชาวจีนส่วนใหญ่มีผลิตภัณฑ์ข้าวของเครื่องใช้ Xiaomi ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ทำได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ Xiaomi เนื่องมาจากในปัจจุบันมีบริษัทผลิตรถยนต์ EV ประมาณ 100 รายในจีน ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าจะประสบปัญหา ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เมื่อคุณเป็นผู้บริโภคในประเทศจีน คุณจะนึกถึงการรับประกัน การดูแลในระยะยาว
ราคา Xiaomi SU7 ราคาเริ่มต้น 215,900 หยวน หรือราว 1,100,000 บาท
Xiaomi SU7 Pro ราคาเริ่มต้น 245,900 หยวน หรือราว 1,260,000 บาท
Xiaomi SU7 Max ราคาเริ่มต้น 299,900 หยวน หรือราว 1,500,000 บาท
ซึ่งทางซีอีโอของบริษัท Xiaomi ได้ออกมายอมรับแล้วว่า การขายครั้งนี้ บริษัทยอมขาดทุนเพื่อต่อสู้กับสงครามราคารถ EV ในปัจจุบัน
Xiaomi มีการวางแผนลงทุนกว่า 3.5 แสนล้านบาท ในช่วง 10 ปีข้างหน้า เพื่อพัฒนา และบุกตลาดรถ EV อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเชื่อว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ผลิตก็ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ บนรถ ไม่ว่าจะเป็นด้านแบทเตอรี, ประสิทธิภาพการใช้งาน, ระบบอัจฉริยะ และความปลอดภัยต่างๆ บนรถ
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/469885
พิสูจน์อักษร โดย : ธนธรณ์ โอฬาริกสกุล