สตาร์ทรถนอนสบาย อาจตายไม่รู้ตัว ผู้เชี่ยวชาญแนะสาเหตุนอนในรถที่ติดเครื่องเปิดแอร์อาจถึงตายได้ ?
การสตาร์ทเครื่องแล้วเปิดแอร์นอนในรถ มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดไม่นานมานี้ กรณีการเสียชีวิตของชาย และหญิงภายในรถเก๋ง ที่จอดอยู่ปากซอยพัฒนาการ โดยตรวจพบว่าก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ได้ติดเครื่อง เปิดแอร์จอดนอนในรถ จนกระทั่งเสียชีวิต
ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง Facebook ระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิต (ซึ่งต้องรอการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการจากแพทย์) คิดว่าก็คงคล้ายกับรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ คือ ได้รับแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) หายใจเข้าไประหว่างที่หลับ เม็ดเลือดแดงทำงานผิดปกติ ร่างกายขาดแกสออกซิเจนจนเสียชีวิต
“ผมเชื่อว่า น่าจะมาจากการได้รับแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่มาจากเครื่องยนต์ที่สันดาปเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างไม่สมบูรณ์ รั่วซึมเข้ามาในห้องโดยสารรถ ซึ่งไม่ได้เปิดกระจกระบายอากาศไว้ ทำให้แกสเป็นพิษต่อเลือด และเสียชีวิตได้ในที่สุด”
ข้อมูลจากโรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายไว้ว่า โดยปกติ ขณะที่รถยนต์ขับเคลื่อนไปบนท้องถนน จะมีการไหลเวียนของอากาศภายนอก และภายในอยู่เสมอ ด้วยการถ่ายอากาศเสียออกทางท่อไอเสีย แล้วรับอากาศที่ดีเข้ามา แต่ถ้าหากรถยนต์จอดสนิท แล้วติดเครื่องเอาไว้ เครื่องยนต์จะเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ และทำให้เกิดแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ขึ้น โดยไม่มีการถ่ายเทออกไป อากาศเสียก็จะวนเวียนอยู่ภายใน ไม่ไปไหน ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายแกสชนิดนี้จะไปแย่งออกซิเจนจับตัวกับเม็ดเลือดแดง ซึ่งจับได้ง่ายกว่าออกซิเจนหลายเท่า ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อไม่เพียงพอ ร่างกายจะขาดออกซิเจน และอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เกิดอาการเลือดเป็นกรด ทำงานไม่ปกติ ซึม ชัก และเสียชีวิตในที่สุด
ระดับแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายจะอยู่ที่ 1-200 ppm เมื่อได้รับเข้าไปในเวลา 4 ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย และเวียนศีรษะ จากนั้นจะอยากนอน ซึ่งถ้านอนเปิดแอร์โดยไม่ดับเครื่องยนต์ก็จะยิ่งส่งผลเสีย และเป็นอันตรายถึงชีวิต
สภาพของรถยนต์ ส่งผลต่อการเกิดแกสชนิดนี้ด้วยเช่นกัน โดยในรถยนต์เก่า หรือไม่มีการตรวจสภาพ จะเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ สูงกว่าในรถยนต์ใหม่ หรือผ่านการตรวจสภาพอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ได้สูงกว่า อัตราการเสี่ยงของการเสียชีวิตจากการเปิดแอร์นอนจะสูงกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะรถยนต์เก่า หรือใหม่ ก็ไม่ควรเปิดแอร์นอนหลับในรถยนต์ขณะที่จอดสนิทอยู่ดี เพราะแกสชนิดนี้ไม่มีสี และไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่มีทางรู้ตัวเลยว่าได้รับแกสชนิดนี้เข้าไปมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะขณะหลับ
ดังนั้น จึงไม่ควรนอนหลับในรถยนต์ที่ติดเครื่องยนต์ไว้ หรือหากจำเป็นต้องนอนจริงๆ ก็ให้เลือกจอดรถในพื้นที่โล่ง ที่อากาศถ่ายเทได้ และควรตั้งปลุกเวลานอน ให้งีบพักเพียงแค่ 15-20 นาที พอให้หายเหนื่อย อย่านอนหลับยาว
หากจำเป็นต้องนอนภายในรถเนื่องจากอาการง่วง ขับรถต่อไม่ไหว หากเป็นไปได้หลีกเลี่ยงการสตาร์ทเครื่องยนต์-เปิดแอร์ แต่ให้ใช้วิธีลดกระจกลงเล็กน้อยทั้ง 4 บาน เพื่อให้อากาศถ่ายเท รวมถึงต้องลอคประตูทุกบานเพื่อป้องกันการถูกขโมยทรัพย์สิน โดยเลือกจุดจอดรถที่ปลอดภัย เช่น ปั๊มน้ำมัน จุดพักรถ
แต่หากมีความจำเป็นต้องเปิดแอร์เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด ควรลดกระจกลงเล็กน้อยทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อช่วยระบายอากาศ พร้อมกับตั้งนาฬิกาปลุกไว้ประมาณ 10-15 นาที
- ดับเครื่องยนต์ทันที
- เปิดประตู หน้าต่าง เพื่อระบายอากาศ
- ลงจากรถ หาที่นั่งพักที่อากาศปลอดโปร่ง
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสามารถเปิดแอร์นอนในรถได้ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ จึงไม่มีการปล่อยแกสคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นมลพิษจากไอเสียของรถยนต์ออกมา แต่ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ และไม่ได้ถูกออกแบบมาให้นอนบนรถเป็นหลัก อาจต้องระวังในเรื่องการใช้แบทเตอรีเป็นระยะเวลานาน หรือปัญหาอื่นๆ ด้วย