ทดลองขับ(formula)
ลองขับ Kia EV5 รถยนต์ไฟฟ้ารสกิมจิ นั่งสบาย ขับได้ไกล กับรุ่น Earth Long Range ราคา 1,599,0000 บาท
ทางเลือกรถยนต์ไฟฟ้ามีความหลากหลายยิ่งขึ้น ถึงเวลาของค่ายรถจากประเทศเกาหลีใต้สำแดงประสิทธิภาพให้เห็น กับทริพทดลองขับ Kia EV5 (เกีย อีวี 5) เอสยูวีมาดเข้ม กับรุ่นย่อย Earth Long Range (เอิร์ธ ลอง เรนจ์) การขับขี่บนเส้นทาง เชียงใหม่-พะเยา-เชียงราย จะเป็นอย่างไรมาดูกันเลย
ภายนอก
สันเหลี่ยมรอบคัน
รูปทรงของ Kia EV5 ถูกออกแบบให้มีความทันสมัยไม่เบา มีสันเหลี่ยมรอบคัน ไฟหน้ารูปทรงแปลกตา ด้านบนเป็นไฟแอลอีดีทรงเรียวสำหรับส่องสว่างในเวลากลางวัน ส่วนไฟส่องสว่างจริงจะอยู่ถัดลงมาด้านล่างบริเวณตรงกลางของมุมกันชน ตัวรถโดยรวมให้ความรู้สึกบึกบึน ล้อแมกขนาด 19 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อภายนอก กันชนหน้าเสริมสันเหลี่ยมรอบคัน ผสมวัสดุสีเงิน รวมถึงส่วนด้านข้างของประตู และกันชนท้าย มือเปิดประตูแนวกับตัวรถโดยจะยกตัวขึ้นมาเมื่อปลดลอค ส่วนท้ายรถดูเรียบง่าย โดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบแอลอีดี พาดยาวตลอดช่วงความกว้างของตัวถัง ประตูบานท้ายขนาดใหญ่ เปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า
หากดูด้วยตาจะเห็นว่า Kia EV5 มีขนาดใหญ่พอสมควร โดยมีมิติตัวถังดังนี้ คือ ความยาว 4,615 มม. กว้าง 1,875 มม. สูง 1,715 มม. และระยะฐานล้อ 2,750 มม. หสกเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาใกล้เคียงกัน นั่นคือ Deepal S07 L (ราคา 1,499,000 บาท) มีมิติตัวถังที่ 4,750/1,930/ 1,625 มม. และระยะฐานล้อถึง 2,900 มม. จะเห็นว่า เอสยูวีของ Deepal มีขนาดตัวโดยรวมใหญ่กว่า EV5 ยกเว้นความสูงของตัวรถ ตัวถังทรงเหลี่ยมของ Kia ทำให้มีความสูงมากกว่า ภายใต้ความสูงจากพื้นถนนของ EV5 (รุ่น Earth Long Range) ที่ 166 มม. ขณะที่ S07 L คือ 165 มม. และเทียบกับเอสยูวีขุมพลังไฮบริดอย่าง Honda CR-V (รุ่น e:HEV RS ราคา 1,589,000 บาท) มีมิติตัวถัง คือ 4,691/1,866/1,681 มม. และระยะฐานล้อ 2,700 มม. ความสูงจากพื้นถนน 198 มม. ถือว่ามิติตัวถังใกล้เคียงกัน แต่ CR-V ได้เปรียบตรงความสูงจกาพื้นถนนที่มากกว่า
อย่างไรก็ตาม การทดลองขับในครั้งนี้มีทางเลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Earth Long Range และตัวทอพ Earth Exclusive AWD เราสังเกตว่า รูปทรงภายนอกของทั้ง 2 รุ่นย่อย แทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ทั้งเส้นสายโดยรวม การตกแต่ง ล้อแมกที่ใช้งาน แม้รุ่นทอพจะใช้ระบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา และมีพละกำลังมากกว่า หากเป็นไปได้อยากให้ทางผู้ผลิตเพิ่มจุดแตกต่างของรูปทรงภายนอกจากรุ่นย่อยทั้ง 2 รุ่นให้มากกว่านี้
มอเตอร์ไฟฟ้า
ส่งกำลังไหลลื่น วิ่งได้ไกลมาก
Kia EV5 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 1 ชุด (สำหรับรุ่น Earth Long Range) กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 31.6 กก.-ม. ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า แบทเตอรีความจุ 88.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบ DC ได้สูงสุดที่ 141 กิโลวัตต์ ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 665 กม. (มาตรฐาน NEDC) นับว่าน่าสนใจมาก เพราะตัวรถมีน้ำหนักถึง 2,030 กก. เลยทีเดียว
การขับขี่ในทริพทดลองขับครั้งนี้มีเส้นทางที่หลากหลาย เราเริ่มต้นที่เส้นสางจังหวัดเชียงใหม่-เชียงราย ผ่านเส้นทางที่เป็นภูเขา มีโค้งต่อเนื่อง การส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าจาก KIA EV5 รุ่นนี้ เน้นความไหลลื่นต่อเนื่อง มากกว่าอัตราเร่งที่หวือหวา การตอบสนองในช่วงแรกเมื่อกดคันเร่งจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป สามารถไต่ความเร็วได้ต่อเนื่องอย่างไม่ยากเย็น เราคิดว่าเป็นอัตราเร่งที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปได้สบาย ไม่อืดแต่อย่างใด นอกจากนี้ ผู้ขับสามารถเลือกระดับการแปลงกระแสไฟฟ้ามาใช้งานได้หลายระดับ โดยเลือกได้ 3 ระดับ จนถึงสูงสุด คือ การใช้งานแบบ I-PEDAL และยังสามารถเลือกให้ระบบปรับระดับได้อัตโนมัติอีกด้วย ส่วนโหมดการขับขี่สามารถกดเลือกใช้งานได้บนปุ่มบริเวณด้านล่างของพวงมาลัย โหมด SPORT จะเน้นการตอยสนองของคันเร่ง และเพิ่มน้ำหนักของพวงมาลัยเล็กน้อย แต่อัตราเร่งโดยรวมไม่ต่างจากโหมด NORMAL มากนัก โดยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. คือ 8.9 วินาที (ตามที่ผู้ผลิตระบุมา) เป็นการตอกย้ำว่า สมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ เน้นการใช้งานทั่วไป ไม่ใช่การเพิ่มแรงม้าเข้ามามากเกินความจำเป็น
ตลอดระยะทางประมาณ 300 กม. ของเส้นทางจังหวัดเชียงใหม่ ไปจังหวัดพะเยา และขับขึ้นไปยังจังหวัดเชียงราย เราสังเกตว่าระยะทำการที่เหลืออยู่ตามระดับของแบทเตอรี เหลืออีกประมาณ 48 % และมีระยะทำการเหลืออยู่ตามการแสดงผลที่ประมาณ 290 กม. เมื่อเทียบกับระยะทำการสูงสุดที่ทางผู้ผลิตระบุมา คือ 665 กม. (ระยะทางบนหน้าปัดที่จุดเริ่มต้น คือ ประมาณ 620 กม. แน่นอนว่าเป็นการคำนวณตามมาตรฐาน NEDC) ถือว่าการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามีความใกล้เคียงกัน ภายใต้การใช้งานจริงบนท้อนถนน หากชาร์จเต็ม สามารถแล่นได้อย่างน้อย 570-580 กม. อย่างไม่ยากเย็น (ภายใต้การขับขี่ และการใช้ความเร็วที่เหมาะสม)
ระบบรองรับ
เน้นความนุ่มนวล นั่งสบาย
ระบบรองรับของ Kia EV5 ถูกปรับแต่งมาให้เน้นความนุ่มนวลจากระบบรองรับ มีข้อดี คือ การขับในตัวเมือง ช่วงล่างสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก แม้พื้นผิวถนนจะมีความขรุขระก็ตาม (การขับผ่านทางลูกรังก็มีความนุ่มนวลที่น่าพอใจเช่นกัน) นอกจากนี้การแล่นบนทางหลวงที่ความเร็วสูง มีทางตรงเป็นส่วนใหญ่ ตัวรถมีความนิ่ง พวงมาลัยมีน้ำหนักที่พอเหมาะ มีวคามมั่นคงสำหรับการขับทางไกลบนทางเรียบเป็นอย่างดี เราได้ลองนั่งบนเบาะด้านหลัง สามารถนั่งได้สบายอย่างน่าพอใจ อย่างไรก็ตาม การขับผ่านทางโค้งในภูเขาบางช่วง ตัวรถมีอาการโคลงให้สัมผัส รวมถึงขณะกำลังควบคุมรถผ่านโค้ง ต้องใช้การบังคับควบคุมเพิ่มเข้ามา สำหรับการลัดเลาะไปตามแนวโค้ง เราคิดว่าหากผู้ผลิตเพิ่มความหนึบให้กับช่วงล่างมากกว่านี้สักนิด ตัวรถจะขับขี่ได้อย่างลงตัว โดยไม่เสียความนุ่มนวลสะดวกสบายโดยรวมแต่อย่างใด นอกจากนี้ เรามีความเห็นว่า ยางที่ใช้ควรมีหน้ากว้างมากกว่านี้อีกเล็กน้อย (ขนาดยางที่ใช้ คือ 235/55 R19)
อนึ่ง ทางผู้ผลิตระบุว่า การปรังแต่งระบบรองรับของรุ่นย่อย Earth Long Range จะเหมือนกับรุ่นย่อย Light และ Air ทุกประการ ส่วนรุ่นทอพ Earth Exclusive AWD มีการปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ในแง่ของการตอบสนองของระบบรองรับ ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน และการขับขี่โดยรวม หากเน้นการเดินทางหลายคน ช่วงล่างที่นุ่มนวลก็มีความเหมาะสมสำหรับผู้โดยสารทุกคน (โดยเฉพาะบนเบาะแถวที่ 2) รวมถึงการขับขี่บนถนนหลวงที่มีพื้นผิวค่อนข้างเรียบ แต่ในกรณีที่มีการขับขี่แบบเน้นความเร็วมากขึ้น และการใช้เส้นทางที่มีโค้งต่อเนื่องเป็นประจำ การปรับปรุงระบบรองรับให้มีความหนึบแน่นมากกว่านี้ก็มีความเหมาะสมเช่นกัน
ภายใน
กว้างขวาง ใช้วัสดุรักษ์โลก
ห้องโดยสารของ Kia EV5 รุ่น Earth Long Range มีความกว้างขวาง และยังมาพร้อมกับการออกแบบที่ลงตัว ควบคู่กับการใช้งานที่สะดวกสบาย โดดเด่นด้วยจอแสดงผลหลักขนาดใหญ่ถึง 29.0 นิ้ว ตั้งแต่ตรงกลางของคอนโซลหน้าจนถึงส่วนแผงหน้าปัดด้านหน้าผู้ขับ พวงมาลัยขนาดใหญ่ถูกออกแบบให้มองเห็นจอแผงหน้าปัดได้ครบถ้วน คันเกียร์อยู่บริเวณด้านข้างฝั่งขวาถัดลงมาเล็กน้อย การเปลี่ยนโหมดเกียร์ต้องหมุนปุ่มบนส่วนหัวแทนการเลื่อนคันเกียร์ขึ้น/ลง โดยมีปุ่มสตาร์ทระบบไฟฟ้าอยู่ด้านใน เป็นหนึ่งในจุดที่ต้องทำความคุ้นเคยในช่วงแรก
ทัศนวิสัยของผู้ขับมีความปลอดโปร่งอย่างน่าพอใจ มุมมองรอบคันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน รวมถึงมุมมองด้านหลังรถ ผนวกกับการใช้งานกล้องมองภาพรอบคันที่มีความชัดเจนเช่นกัน เบาะผู้ขับปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า ทางผู้ผลิตระบุว่าวัสดุที่ใช้กับตัวเบาะเป็นแบบรีไซเคิล รวมถึงวัสดุบนคอนโซลหน้า เสริมความรักษ์โลกได้อีกเล็กน้อย เบาะด้านหลังมีความกว้างขวาง ทัศนวิสัยปลอดโปร่งเช่นกัน แม้ตัวเบาะจะอยู่ต่ำลงมาเล็กน้อย ตัวเบาะสามีรถปรับเอนได้ และพับได้แบบแบนราบ เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากมาย แสดงให้เห็นถึงการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยที่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีแบทเตอรีขนาดใหญ่ติดตั้งข้างใต้ก็ตาม นอกจากนี้ ห้องโดยสารสามารถเก็บเสียงได้ดีมาก เสียงรบกวนจากภายนอกมีน้อย แม้แต่เสียงของยางขณะแล่นอยู่ก็มีน้อยมากเช่นกัน
จุดน่าสนใจ คือ การติดตั้งที่เก็บของมากน้อยเอาไว้หลายจุดในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นช่องเก็บของด้านหน้า และที่เก็บของใต้เบาะ รวมถึงส่วนของลิ้นชักเก็บของทรงยาวสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง (รุ่นทอพจะมีระบบทำความเย็นมาด้วย) และยังมีที่เก็บของใต้พื้นห้องโดยสารอีกด้วย (ฝาปิดบนพื้นห้องโดยสารสามารถยกเปิดขึ้นมาได้ โดยรุ่นทอพจะมีโต๊ะใช้งานในตัว รวมถึงบริเวณด้านหลังของเบาะคู่หน้า และโต๊ะขนาดเล็กที่ซ่อนบริเวณด้านหลังที่เก็บสัมภาระ) จัดเป็นเอสยูวีที่มีความอเนกประสงค์ไม่น้อย แต่ต้องระวังการวางของตามจุดต่างๆ เพราะหากเผอเรอ วางของในช่องเก็บตามจุดต่างๆ โดยไม่รู้ตัว อาจจะหาของไม่เจอก็เป็นได้ !
ความคุ้มค่าโดยรวม
น่าสนใจในระดับราคา 1 ล้านบาทกลางๆ
สำหรับความคุ้มค่าโดยรวมของ Kia EV5 รุ่น Earth Long Range ที่มีราคา 1,599,000 บาท จัดเป็นราคาที่ไม่มีคู่แข่งมากนักสำหรับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใกล้เคียง คือ Deepal S07 L มีขนาดแบทเตอรีที่ใหญ่ขึ้น ราคา 1,499,000 บาท แม้มีราคาถูกกว่า แต่ระยะทำการสูงสุดก็น้อยกว่า EV5 เช่นกัน รวมถึงประโยชน์ใช้สอยที่ทาง Kia ทำได้ดีกว่า (แต่ในเรื่องของระบบรองรับ เราคิดว่า S07 มีความหนึบแน่นมากกว่า) และยังมีคุ้มค่าในแง่ของคนที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีความแตกต่างจากค่ายรถสัญชาติจีน
ขณะที่รุ่นย่อยอื่นๆ เช่น Light และ Air มีราคาที่ 1,299,000-1,399,000 บาท (แบทเตอรีขนาดเล็กกว่ารุ่น Earth) เหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณที่ 1 ล้านบาทต้นๆ และเพิ่มเงินจากเอสยูวีพลังไฟฟ้าสัญชาติจีนไม่มากนัก ขณะที่รุ่นทอพ Earth Exclusive AWD มีราคาที่ 1,799,000 บาท ราคาระดับ 1 ล้านบาทปลายๆ อาจมีคู่แข่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Tesla Model Y RWD ราคาเริ่มต้นที่ 1,749,000 บาท หรือ Volvo EX30 มีราคาที่ 1,589,000-1,890,000 บาท แต่มีขนาดตัวถังเล็กกว่า Kia EV5 มากๆ
สรุปจุดเด่น “5 ประการ” ของ Kia EV5
1. รถยนต์ไฟฟ้าที่มีสไตล์เฉพาะตัวจากเกาหลีใต้
- ปัจจุบันค่ายรถ Kia หันมาเดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว EV5 คือ แนวทางใหม่ที่น่าสนใจจากการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีใต้ที่มีความแตกต่างจากค่ายรถสัญชาติจีน
2. แบทเตอรีขนาดใหญ่ ระยะทำการเหลือเฟือ
- ในรุ่น Earth Long Range มีจุดเด่น คือ การใช้แบทเตอรีความจุถึง 88.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็มถึง 665 กม. (มาตรฐาน NEDC) ครอบคลุมการใช้งานได้ดีมาก
3. ห้องโดยสารกว้างขวาง อเนกประสงค์
- ตัวถังสไตล์เอสยูวีของ Kia EV5 ทำให้มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง ภายใต้การออกแบบที่ทันสมัย มีการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดดเด่นที่อรรถประโยชน์อันหลากหลาย ไม่แพ้เอสยูวีที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป หรือไฮบริด
4. การใช้งานที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว
- รถยนต์ไฟฟ้าจาก Kia รุ่นนี้ เป็นรถรุ่นใหม่ มีความทันสมัยหลายจุด แต่ยังคงมีการออกแบบการใช้งานแบบดั้งเดิมผสมอยู่ด้วย เห็นได้จากปุ่มใช้งานแบบดั้งเดิมในหลายจุด เช่น การใช้งานระบบปรับอากาศ และปุ่มใช้งานบนพื้นผิวคอนโซลหน้าที่แนบเนียน ใช้งานสะดวกแม้ขณะขับรถก็ตาม
5. ระดับราคาที่เหมาะสม
- Kia EV5 รุ่น Earth Long Range มีราคาที่ 1,599,000 บาท ถือว่าไม่มีคู่แข่งรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาใกล้เคียงกันโดยตรง จึงเป็นโอกาสของผู้ที่มีงบประมาณระดับดังกล่าว และกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าสไตล์เอสยูวี ออพชันจัดเต็ม
Kia EV5 (นำเข้าจากประเทศจีน)
รุ่น Light ราคา 1,299,000 บาท
รุ่น Air ราคา 1,399,000 บาท
รุ่น Earth Long Range ราคา 1,599,000 บาท
รุ่น Earth Exclusive AWD ราคา 1,799,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม: Kia