Changan ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จ 1 ปี ด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Deepal L07 (ดีพอล แอล 07), L07 S (แอล 07 เอส), S07 (เอส 07), S07 L (เอส 07 แอล), Lumin L (ลูมิน แอล) และ Lumin L DC (ลูมิน แอล ดีซี) ด้วยยอดขาย 8,000 คัน และศูนย์บริการ 30 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเตรียมขยายต่อเนื่องอีก 60 แห่ง ภายในปี 2567 และครบ 100 แห่ง ในปี 2568 พร้อมเปิดตัว Avatr และ Deepal E07 ในปีนี้
เซิน ชิงหัว กรรมการผู้จัดการ Changan Auto Southeast Asia ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Changan (ฉางอัน) เปิดเผยว่า Changan Thailand เดินทางมาครบ 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่การจดทะเบียนบริษัท และการเปิดตัวแบรนด์ Changan ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการทำตลาด Deepal ในรุ่น S07 และ L07 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ระดับพรีเมียมในตลาดไทย แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ก็ตาม
1 ปีกับความสำเร็จของ Changan มียอดขายเกินกว่า 8,000 คัน และส่งมอบแล้วเกือบ6.000 คัน เกือบ 5,000 คัน เป็น Deepal S07 จนทำให้ติดอันดับทอพ 10 ของตลาด SUV ทั้งหมด ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 2.6 % และอันดับ 2 ในกลุ่ม C-SUV ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 21 % นอกจากนี้ ยังครองอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในช่วงราคาระหว่าง 1.3-1.5 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังได้จ่ายภาษีให้แก่ประเทศไทยเกือบ 1,200 ล้านบาท
ปัจจุบัน Changan เปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการแล้ว 30 แห่ง ครอบคลุมจังหวัดสำคัญ 25 จังหวัด ในสิ้นปีนี้จะเปิดครบ 60 แห่ง และปี 2025 ตั้งเป้าที่จะขยายโชว์รูมให้ครบ 100 แห่ง โดยบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้าอย่างมีคุณภาพ ด้วยการพัฒนาโครงการ "Project NO.1" เพื่อเสริมสร้างความพันธ์กับลูกค้า และยกระดับความพึงพอใจ
พร้อมกันนี้ ได้พัฒนาคลังอะไหล่ขนาดกว่า 3,000 ตารางเมตร ที่สามารถเก็บอะไหล่กว่า 2,000 ประเภท และชิ้นส่วนมากกว่า 40,000 ชิ้น ทำให้สามารถจัดส่งอะไหล่ครอบคลุมกว่า 95 % ของประเทศภายใน 24 ชม. อีกทั้งยังเปิดศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ดิจิทอลใหม่ในวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งยกระดับความสะดวกสบาย และคุณภาพการบริการแก่ลูกค้าค้าทั่วประเทศอีกด้วย
สำหรับการก่อสร้างโรงงานที่จังหวัดระยองและจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาของ Changan ทั่วโลก ด้วยงบลงทุนกว่า 10.000 ล้านบาท โดยดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 80 % และมีกำหนดเริ่มการผลิตในไตรมาสแรกของปี 2025 โดย Changan ได้ใช้ชัพพลายเออร์ท้องถิ่นกว่า 300 ราย และมีแผนที่จะเพิ่มอัตราส่วนชิ้นส่วนท้องถิ่นในรุ่นที่ผลิตในประเทศต้นปีหน้าถึง 50 % ในด้านบุคลากรท้องถิ่น ได้ว่าจ้างพนักงานเกือบ 300 คนในกรุงเทพฯ รวมถึงที่จังหวัดระยอง คิดเป็นร้อยละ 70 ของพนักงานทั้งหมด และยังมีแผนที่จะส่งพนักงานที่มีทักษะประมาณ 100 คนไปฝึกอบรมที่ฉงชิ่งในเดือนกันยายนนี้
“ในปี 2024 ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้านคัน และยอดขายยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) จะเพิ่มขึ้นถึง 17 ล้านคัน ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาด NEV โดยจีนยังคงเป็นผู้นำในกระแสนี้ และคาดว่ายอดขาย NEV ในจีนจะมีถึง 11.5 ล้านคัน ในปี 2024 และตลาด EV ของไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็ว และมั่นคง ด้วยการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล และแรงขับเคลื่อนจากลูกค้าพลังงานใหม่ โดยตลาดของ BEV ในไทยเติบโตเกิน 10 % ในครึ่งแรกของปี 2024 และอีกกว่า 15 % ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล"
นอกจากนี้ Changan Thailand มีแผนเปิดตัวแบรนด์ Avatr ในเดือนกันยายนนี้ และในงาน Motor Expo เดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดตัว Deepal E07 ลูกผสมระหว่าง SUV และกระบะขนาดใหญ่ และมีแผนเปิดตัวรุ่นที่ผลิตจากโรงงานระยองในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยจะเป็นรุ่นแบบ BEV และ REEV ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Deepal Super REEV สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 1,000 กม. จากการชาร์จ 1 ครั้ง และเติมน้ำมันเต็มถังอีกด้วย
เซิน ซิงหัว กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จีนเป็นผู้นำ NEV ทั่วโลกในปี 2024 ยอดขายรถยนต์ใหม่ในจีนคาดว่าจะมีถึง 31 ล้านคัน โดยเพิ่มขึ้น 3 % เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ตามยอดขาย NEV คาดว่าจะขึ้นถึง 37 % โดยคาดว่าภายในปี 2030 โครงสร้างพลังงานของรถยนต์นั่งในจีนจะเป็นอัตราส่วน 4:4:2 หมายความว่า 40 % เป็น EV อีก 40 % เป็น XEV ซึ่งรวมถึง PHEV และ REEV และอีก 20 % เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน และ HEV ซึ่งเน้นให้เห็นถึงบทบาทผู้นำของจีนในการพัฒนา NEV ทั่วโลก
ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยกำลังดำเนินนโยบาย 30@30 ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน แม้จะมีเศรษฐกิจถดถอย ทำให้การอนุมัติสินเชื่อของธนาคารเข้มงวดขึ้น และความต้องการซื้อรถยนต์ในไทยลดลง แต่อัตราการเจาะตลาดของ BEV ยังเกิน 10 % ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 และเกินกว่า 15 % ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่า ด้วยการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล และแรงขับเคลื่อนโดยลูกค้าพลังงานใหม่ ตลาด EV ของไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็ว และมั่นคง ซึ่งจะทำให้นโยบาย 30@30 ประสบความสำเร็จ
“แน่นอนว่าในฐานะบริษัทที่มุ่งมั่นพัฒนาระยะยาวในประเทศไทย เรายืดมั่นในหลักการ "By Thai, For Thai, Rooted in Thailand" โดยมอบผลิตภัณฑ์ และบริการที่ดีเยี่ยมให้แก่คนไทย และปฏิบัติตามความรับผิดชอบต่อสังคม โครงการ CSR ของเราจะเน้นเรื่องความยั่งยืน การศึกษา และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น เราเชื่อว่าการตอบแทนชุมชนไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบ แต่เป็นสิ่งพิเศษที่เราจะมอบให้เพื่อสร้างอนาคตที่สดใส และแข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน"