ในแต่ละปีประเทศไทยมีเด็ก และเยาวชนบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นจำนวนมาก และคาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต หากไม่มีการลงมือป้องกันแก้ไขที่จริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กวัยประถมที่มีความเสี่ยงจากการต้องเริ่มเดินทางด้วยตนเอง และใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น หนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยป้องการการเกิดอุบัติเหตุ คือ การให้ความรู้ด้านความปลอดภัยในการเดินทางที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะชีวิตที่จำเป็นสำคัญที่ควรปลูกฝังตั้งแต่เยาวชน Shell บริษัทพลังงานที่มีวัฒนธรรมองค์กรด้านความปลอดภัยที่เข้มแข็ง จึงได้สานต่อความร่วมมือด้านความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง กับศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้โครงการ Shell School Road Safety ปลอดภัยทุกย่างก้าว จากบ้านถึงโรงเรียน ด้วยการพัฒนาสร้างทักษะ และปลูกฝังการตระหนักรู้ เรื่องการเดินทางทางท้องถนนอย่างปลอดภัย ผ่านชุดสื่อบอร์ดเกมเสริมสร้างทักษะความปลอดภัยบนท้องถนน ให้แก่คุณครู และนักเรียนวัยประถม ซึ่งช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับความสนุกสนานผ่านสถานการณ์จำลองที่อาจจะเกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน
อรอุทัย ณ เชียงใหม่ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การส่งมอบพลังงานคุณภาพสูง และคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานของ Shell เรามีวัฒนธรรมความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ที่มีอยู่ใน Heart & Mind ของพนักงาน Shell ครอบครัว ตลอดจนคู่ค้าที่ร่วมงานกับ Shell ทุกคน ด้วยเป้าหมายที่จะให้ทุกคนกลับบ้านไปหาคนที่คุณรักอย่างปลอดภัยในทุกๆ วัน Shell จึงร่วมมือกับศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็กฯ เพื่อส่งต่อวัฒนธรรม และสร้างสังคมแห่งความปลอด ภัยให้เกิดขึ้นจริง ผ่าน โครงการ Shell School Road Safety ปลอดภัยทุกย่างก้าวจากบ้านถึงโรงเรียนที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
โครงการนี้เน้นการปลูกฝังผ่านกิจกรรมบอร์ดเกมที่มีการจำลองสถานการณ์ต่างๆ ไว้ ให้เด็กๆ ได้ออกแบบการเดินทางอย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง ภายใต้หัวข้อ "8 ทักษะเดินทางปลอดภัยวัยประถมจากบ้านถึงโรงเรียน" เพื่อสนับสนุน การเปิดอิสระทางความคิดระหว่างคุณครู และนักเรียนผ่านสื่อการเรียนรู้ที่ Shell มอบให้ โดยมีการจัดอบรมให้ทั้งคณะครู และนักเรียนในโรงเรียน และสถานศึกษาต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบคลังน้ำมัน Shell ทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าอบรมคุณครู และนักเรียนกว่า 2,000 คน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ และยกระดับความปลอดภัยให้แก่สังคมโดยรวม
ทั้งนี้ สถิติจากกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ชี้ให้เห็นถึงอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ในปี 2566 ของกลุ่มเยาวชนอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 15 ปีว่า อัตราการสวมหมวกนิรภัยคิดเป็น 5.1 % และอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัย คิดเป็น 5.23 % ของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังในอนาคตจะมีเด็ก และเยาวชนไทยสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากถึง 40,421 คน หรือเฉลี่ยปีละ 3,675 คน
อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าว ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็กฯ จึงได้ร่วมพัฒนาโครงการ Shell School Road Safety ปลอดภัยทุกย่างก้าวจากบ้านถึงโรงเรียน กับ Shell มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้เพิ่มความสร้างสรรค์ด้วยการออกแบบสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบบอร์ดเกม 3 ชุด ครอบคลุมเรื่องอุปกรณ์การเดินทางขั้นพื้นฐาน ความเข้าใจตำแหน่งที่ปลอดภัยระหว่างการเดินทาง และการใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม เพื่อให้เยาวชนได้รับความรู้เพื่อพัฒนาทักษะจำเป็นในการเดินทางบนบก และการโดยสารทางน้ำในชีวิตประจำวัน ผ่านตัวอย่างสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเด็กๆ จะได้รับทั้งความสนุกจากการเลือกตัวช่วยที่ทำให้ตนเองเดินทางปลอดภัย เรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม มีการอบรม และวัดระดับความรู้ก่อนและหลัง พร้อมกิจกรรมภาคปฏิบัติ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และจะช่วยป้อง กันอุบัติเหตุ และลดผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้
กิจกรรมนี้มีโรงเรียนรอบสถานประกอบการคลังน้ำมัน Shell เข้าร่วมทั้งสิ้น 14 แห่ง โดยหนึ่งในนั้น คือ โรงเรียนวัดคลองเตย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้คลังน้ำมัน Shell ช่องนนทรี
ยุภาวดี พันธัง ครูวิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนวัดคลองเตย กรุงเทพฯ เล่าว่า "เด็กในวัยประถมจะเรียนรู้ได้ดีจากการเล่น การใช้บอร์ดเกมซึ่งผสมผสานเกม และความรู้เข้าด้วยกันเป็นสื่อการสอน ช่วยกระตุ้นความสนใจ และการมีส่วนร่วมของเด็กได้เป็นอย่างดี ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงมากกว่าการสอนแบบเดิม สื่อที่มีภาพสีสันสดใส และคำอธิบายที่เข้าใจง่าย ยังช่วยดึงดูดให้เด็กๆ สนใจเรียนรู้ พูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ซึ่งนอกจากได้รับความรู้แล้ว เด็กๆ ยังได้รับความสนุกสนาน การทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นทีม และได้รับการปลูกฝังวินัยในการใช้รถใช้ถนนที่ดีควบคู่กันไปด้วย"
ชัยศิริ สาวิไศย (น้องมิวสิค) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดคลองเตย กรุงเทพฯ เล่าถึงประสบการณ์ ว่า “ผมเพิ่งเคยเล่นเกมแบบนี้เป็นครั้งแรก เกมสนุกมาก ผมคิดว่าความรู้ที่ได้จากเกมนี้จะเป็นประโยชน์กับการเดินทางในชีวิตประจำวันของผมอย่างมาก เมื่อตอนเด็กๆ ผมเคยถูกรถชน เพราะไม่ระวัง และไม่ค่อยข้ามถนนที่ทางม้าลาย แต่ตอนนี้ผมเข้าใจเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนมากขึ้น จึงทำให้เดินทางมาโรงเรียนได้อย่างปลอดภัยขึ้น นอกจากนี้ ความรู้เรื่องความปลอดภัยอื่นๆ เช่น การขึ้นเรือหรือการใช้รถไฟฟ้าที่ได้จากการเล่มบอร์ดเกม อาจจะยังไม่ได้ใช้ในตอนนี้ แต่ผมเชื่อว่าในอนาคตต้องได้ใช้แน่นอน การเรียนรู้ล่วงหน้าจะช่วยให้ผมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมั่นใจ ผมตั้งใจจะนำความรู้เหล่านี้ไปบอกต่อกับเพื่อนๆ และคนในชุมชน เพื่อให้เดินทางได้อย่างปลอดภัยเหมือนผม”
ด้าน วริศรา แดงชูชาติ (น้องต้นหอม) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดบางน้ำผึ้งนอก จสมุทรปราการ ก็ได้เล่าให้ฟังว่า “ปกติก็ชอบเล่นเกม และทำกิจกรรมต่างๆ อยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องของการแข่งขันก็ยิ่งชอบ เพราะได้เล่นกับเพื่อนกลุ่มอื่นๆ ด้วย บอร์ดเกม 8 ทักษะไม่เพียงแต่สนุกสนาน แต่ยังให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทาง ทำให้จำวิธีเดินทางให้ปลอดภัยได้ง่าย โดยไม่ต้องท่อง จำจากหนังสือ ในแต่ละวันเวลาพ่อมารับ-ส่งมาโรงเรียน พ่อมักจะไม่สวมหมวกกันนอคเลย หลังจากได้เล่นบอร์ดเกมนี้ หนูเลยมองเห็นความสำคัญของหมวกกันนอคที่เหมือนเป็นเกราะป้องกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และตั้งใจจะบอกพ่อกับแม่ให้สวมหมวกกันนอคทุกครั้งที่ขี่มอเตอร์ไซค์ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว”