บทความ
เสียงดนตรีแห่งความเร็ว !!! รวมสุดยอดยนตรกรรมที่ใช้เครื่องยนต์ V10
จุดเริ่มต้นของเครื่องยนต์ V10
เครื่องยนต์ V10 (Ten-Cylinder Piston) นับเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการยานยนต์ ด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ถือกำเนิดขึ้นจากการพัฒนาเครื่องยนต์ V8 (Eight-Cylinder Piston) ให้มีจำนวนกระบอกสูบเพิ่มขึ้นอีก 2 กระบอก โดยการจัดเรียงกระบอกสูบในลักษณะตัว V ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัด และมีความสมดุลในการทำงานมากขึ้น
เครื่องยนต์ V10 มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ และไพเราะหู นั้นมีหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งเรื่องของจังหวะการทำงานที่ลงตัว แบบหายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศ ซึ่งเครื่องยนต์ V10 มีจุดเด่นคือ การจุดระเบิดที่สม่ำเสมอ และซับซ้อนกว่าเครื่องยนต์แบบอื่น ทำให้เกิดจังหวะเสียงที่ไพเราะ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงการออกแบบท่อไอเสียของรถที่มีเครื่องยนต์ V10 มักจะถูกออกแบบมาให้มีเสียงที่นุ่มนวล และมีมิติ ทำให้เสียงที่ได้ยินออกมาจากท่อไอเสียมีความกลมกล่อม และน่าฟัง
เครื่องยนต์ดีเซล V10 หลายรุ่นได้รับการผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 1965 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ และเครื่องยนต์เบนซิน V10 รถยนต์ที่ออกสู่ท้องถนนผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1991 เป็นครั้งแรกของโลกนั่นคือ Dodge Viper (ดอดจ์ ไวเพอร์)
ปัจจัยสำคัญ คือ เรื่องขนาดของเครื่องยนต์ โดยรถที่ใช้กระบอกสูบเยอะ มักจะมีขนาดใหญ่ และมีแรงบิดสูงตั้งแต่ 4 ลิตรขึ้นไป จำนวนวาล์วต่อสูบ อัตราส่วนกำลังอัด และเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเครื่องยนต์ จะทำให้เสียงที่ได้ยินออกมาจากเครื่องยนต์มีความหนักแน่น และทรงพลัง วัสดุที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ อย่างโลหะ อลูมิเนียมหลอม ของเครื่องยนต์ V10 ก็มีผลต่อเสียงที่ได้ยินออกมาเช่นกัน
ยอดยนตรกรรมที่ใช้เครื่องยนต์ V10
เครื่องยนต์ V10 นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมักจะถูกนำไปใช้ในรถยนต์หรู และรถสปอร์ทระดับสูง เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ 10 สูบ หรือ V10 นั้นเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักขับ และผู้หลงใหลในเสียงเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก ปัจจุบันนับได้ว่าเป็นของหายากที่น่าจับตามอง มาดูกันว่าจะมีรุ่นไหนบ้าง
Lexus LFA
Lexus LFA (เลกซัส แอลเอฟเอ) เป็นรถสปอร์ทสุดหรูที่ผลิตจำนวนจำกัดจาก Lexus ค่ายรถหรูจากญี่ปุ่นที่ก้าวเข้าสู่ตลาดซูเพอร์คาร์ ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ 1LR-GUE ที่พัฒนาขึ้นมาครั้งแรกจาก Toyota (โตโยตา) เรื่องท่อ และการดูดของกรองอากาศ แผนกพัฒนาพิเศษของ YAMAHA (ยามาฮา) จะเป็นผู้พัฒนาร่วมกันปรับแต่งท่อไอเสียของเครื่องยนต์ V10 ขนาด 4.8 ลิตร กำลังสูงสุด 560 แรงม้า (PS) ลากรอบได้สูงถึง 9,000 รตน. ทำให้ Lexus LFA มีเสียงที่หวานเป็นเอกลักษณ์ และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม เพื่อความสมดุลในการควบคุม และได้รับประสบการณ์สุดเร้าใจสูงสุด
Lamborghini Gallardo/Huracan
Lamborghini (ลัมโบร์กินี) เป็นหนึ่งในรถสปอร์ทที่ใช้เครื่องยนต์ V10 ที่โด่งดังที่สุดรุ่นหนึ่งมาตั้งแต่ปี 2004 ในรุ่น Gallardo (กัลญาร์โด) ด้วยดีไซจ์นที่โฉบเฉี่ยว และสมรรถนะที่เร้าใจ เครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร ให้กำลังสูงกว่า 560 แรงม้า (PS) เสียงแผดที่เป็นเอกลักษณ์ไปจนถึงรุ่นสุดท้ายอย่าง Gallardo Superleggera (กัลญาร์โด ซูเพอร์เลกเกรา) ทำให้กลายเป็นรถสปอร์ทที่ได้รับความนิยมที่สุดของค่าย และต่อมาในรุ่น Huracan (อูรากัน) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่หมดยกคัน ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังที่มากขึ้นถึง 610 แรงม้า (PS) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ล้ำขึ้น และความสะดวกสบายที่มากขึ้นจนไปถึงรุ่นล่าสุดอย่าง Huracan Tecnica (อูรากัน เทคนิกา)/Huracan STO (อูรากัน เอสทีโอ) ถือเป็นรถยนต์ที่เป็นที่สุดของยุคอีก 1 รุ่น
Audi R8
Audi R8 เป็นอีกหนึ่งรถสปอร์ทที่ใช้เครื่องยนต์ V10 ที่มีความสมดุลระหว่างสมรรถนะ และความหรูหรา ดีไซจ์นภายนอกที่โฉบเฉี่ยว และภายในห้องโดยสารที่หรูหรา ทำให้ R8 เป็นรถสปอร์ทที่น่าขับขี่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งสานต่อเทคโนโลยี และเครื่องยนต์มาจาก Lamborghini Gallardo/Lamborghini Huracan รุ่นดั้งเดิมยังคงใช้เครื่องยนต์ V10 ไว้เอง ในช่วง 15 ปีถัดมา จนถึงรุ่นสุดท้าย R8 GT (อาร์ 8 จีที) ก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ V10 แต่มีการปรับทูนโดยเพิ่มแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 640 แรงม้า (PS)
Dodge Viper
Dodge Viper เป็นรถสปอร์ทอเมริกันที่มีชื่อเสียงในเรื่องของสมรรถนะที่แรง และมีความดิบในการขับขี่ เครื่องยนต์ V10 ขนาด 8.0 ลิตร ทำให้ได้กำลังสูงถึง 645 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาลที่ 600 นิวทันเมตร ถือเป็นรถสปอร์ทที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเร้าใจสุดขีด ซึ่งทีมผู้พัฒนารุ่น Viper ได้ร่วมมือกับ Lamborghini ในขณะนั้นอยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของ Chrylser (ไครสเลอร์) ในการสร้างเครื่องยนต์ V10 รุ่นของตนเอง โดยใช้ส่วนประกอบประสิทธิภาพสูง และบลอคอลูมิเนียม สำหรับรถสปอร์ทอย่าง Viper โดยเฉพาะ
BMW M5 (E60)/M6 (E63)
BMW M (บีเอมดับเบิลยู เอม) เป็นตระกูลรถสมรรถนะสูงจากทาง BMW ซึ่งมีทั้ง M5 ในรหัส E60 และ M6 รหัส E63 ที่ใช้เครื่องยนต์ V10 ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์สมรรถนะสูง หรือ M Series ด้วยเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 516 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 520 นิวทันเมตร รวมถึงการเซทช่วงล่างที่ปรับแต่งจาก BMW M มาเป็นอย่างดี ทำให้ทั้ง 2 คันนี้เป็นรถที่ขับสนุก และเร้าใจ ออกตัวได้อย่างเต็มสมรรถนะ แต่ยังดูดีมีระดับ พร้อมเอกลักษณ์จากเสียงเครื่องยนต์สุดหวาน เหมือนกับรถแข่งสูตรหนึ่ง Formula 1 เลยทีเดียว
Volkswagen Touareg TDI
VW หรือ Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีศักยภาพในการพัฒนาเครื่องยนต์ให้แก่รถยนต์ ก่อนเกิดเรื่องอื้อฉาวอย่าง Dieselgate เมื่อปี 2015 รถเอสยูวีของเขาอย่างรุ่น Volkswagen Touareg (โฟล์คสวาเกน ตูอเรก) รุ่นดั้งเดิมเลือกใช้เครื่องยนต์ V10 ดีเซล ให้กำลัง 313 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 850 นิวทันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์เพียง 2,000 รตน. ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ V10 ดีเซลคันแรกที่มีประโยชน์ในการลากจูงสิ่งของต่างๆ จากแรงบิดที่สูงมาก อย่างเช่น ลากเรือ และที่ฮือฮาที่สุด คือ ลากเครื่องบิน Boeing 747-200 ซึ่ง Volkswagen ทำสถิติไว้ในปี 2006
Audi RS6
Audi (เอาดี) เริ่มขยายตลาดรถซีดาน มาสู่รถสเตชันแวกอน (Station Wagon) สมรรถนะสูง โดยรุ่นนี้พื้นฐานมาจาก A6 Avant (เอ 6 อาวันท์) แต่มาพร้อมพละกำลังเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร 580 แรงม้า (PS) แรงบิด 650 นิวทันเมตร มีความสนุกสนานมากกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบสเตชันแวกอนของ RS6 (อาร์เอส 6) ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วงล่าง และเทคโนโลยีต่างๆสามารถรองรับอัตราเร่งได้มหาศาล แต่ยังสามารถให้ความอเนกประสงค์ได้ในทุกๆ วัน
Porsche Carrera GT
ยอดยนตรกรรมสปอร์ทระดับไฮเพอร์คาร์จาก Porsche (โพร์เช) ที่ขับบนท้องถนนได้ดีที่สุดตลอดกาล มาพร้อมเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.7 ลิตร มีรากฐานมาจากเครื่องยนต์ของ F1 ที่หยุดผลิตไปตั้งแต่แรก Porsche ได้พัฒนาเครื่องยนต์นี้สำหรับทีม Footwork F1 ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 และต่อมาก็ได้ออกแบบเครื่องยนต์นี้ใหม่สำหรับรถ Le Mans (เลอ มองส์) ที่ผลิตขึ้นเอง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน ให้พละกำลัง 612 แรงม้า (PS) และความพิเศษ คือ รถคันนี้มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดาเท่านั้น ปัจจุบันมันถือเป็นรถที่เปรียบดั่งงานศิลป์ติดล้อ
GTA Spano
เป็นซูเพอร์คาร์สัญชาติสเปน โดดเด่นด้วยดีไซจ์นที่โฉบเฉี่ยว ตัวถังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้มีน้ำหนักเบา และแข็งแรง มีสมรรถนะที่น่าทึ่งกับเครื่องยนต์ V10 ขนาด 8.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 820 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 960 นิวทันเมตร ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเครื่องยนต์ Dodge Viper SRT แต่นำเครื่องไปวางกลางรถยนต์แทน ผลิตโครงสร้างโดยบริษัท GTA Motor เป็นรถที่มีชื่อเสียงจากการปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Need for Speed ร่วมกับซูเพอร์คาร์รุ่นดังอื่นๆ และยังมีการปรับโฉมรุ่นใหม่ Spania (สปานีอา) ที่เพิ่มกำลังขึ้นเป็น 912 แรงม้า แรงบิดเพิ่มเป็น 1,220 นิวทันเมตร เป็นรถสปอร์ทอีก 1 รุ่นที่ผลิตในจำนวนจำกัด ทำให้เป็นรถยนต์ที่หายาก และเป็นที่ต้องการของนักสะสม
McLaren Solus GT
รถที่เกิดมาเพื่อสำหรับลงแข่งในสนามเท่านั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่งในเกม Gran Turismo Sport ผลิตโดย McLaren Automotive (แมคลาเรน ออโทโมทีฟ) รถรุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Ultimate Series จุดเด่นอยู่ที่โครงสร้างตัวถังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ เน้นการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุด ภายในมีเพียงที่นั่งเดียวสำหรับนักแข่ง มีแป้นเหยียบคันเร่ง-เบรค ที่สามารถปรับระยะได้แทนการปรับตำแหน่งเบาะ รวมไปถึงเบาะนั่งที่ออกแบบได้ตามสรีระเจ้าของรถโดยเฉพาะ มาพร้อมเครื่องยนต์ V10 ขนาดความจุ 5.2 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 829 แรงม้า ลากรอบสูงสุดอยู่ที่ 10,000 รตน. และจำกัดจำนวนผลิตเพียงแค่ 25 คันทั่วโลก ทำให้เป็นอีกหนึ่งรถแข่งที่สุดในทุกด้าน และมีความต้องการของนักสะสมทั่วโลก ปัจจุบันมีผู้จับจองครบ 25 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความสนุกที่กำลังหายไปตลอดกาล
ในปัจจุบันเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ V10 ได้พัฒนาไปอย่างมาก จากการผสมผสานได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เทอร์โบชาร์เจอร์ และระบบฉีดน้ำมันโดยตรง มาประยุกต์ใช้กับเครื่องยนต์ V10 ทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เสียงที่ไพเราะของเครื่องยนต์ V10 นั้นเกิดจากการผสมผสานกันของหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบทางวิศวกรรม รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้รถที่เลือกใช้เครื่องยนต์ V10 กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มอบทั้งความสนุก ความเร้าใจ กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกให้ตื่นตัว และสามารถใช้ลงแข่งขันได้ ทำให้รถเหล่านี้ได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการของเหล่านักขับทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ด้วยกฎระเบียบด้านควบคุมมลพิษที่เข้มงวดขึ้นในยุคนี้ ปี 2024 เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายหันไปพัฒนาเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มีเทอร์โบชาร์เจอร์ หรือเครื่องยนต์ไฟฟ้าแบบ MHEV แทน ส่งผลให้เครื่องยนต์ V10 ไร้ระบบอัดอากาศค่อยๆ ลดทอนบทบาท และหายไปจากตลาดเรื่อยๆ ซึ่งในอนาคตนับเป็นสิ่งที่น่าเสียดายในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก หากความสุนทรีย์แห่งการขับขี่ และเสียงดนตรีอันเร้าอารมณ์จากเครื่องยนต์ จะต้องเงียบสงบลง และไม่มีทางกลับมาอีกต่อไป