ธุรกิจ
Great Wall Motor เร่งเครื่องดันไทยเติบโต
Great Wall Motor (กเรท วอลล์ มอเตอร์) ขยายธุรกิจทุ่มงบกว่า 12,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิต อะไหล่ การตลาด และขาย พร้อมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ลุยตลาดสร้างยอดขาย ย้ำประเทศไทยเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความพร้อม และมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางสำหรับการผลิต และส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาสู่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ล่าสุดได้เร่งเดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมายนี้ผ่านแนวคิด Local Excellence to Global Success ด้วยการเสริมศักยภาพให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นแบบรอบด้าน
ปาร์คเกอร์ ฉี ประธาน Great Wall Motor ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ Great Wall Motor ในการขยายธุรกิจสู่ระดับโลกภายใต้กลยุทธ์ “Ecological Globalization” เนื่องจากเป็นพื้นที่เปี่ยมด้วยศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน ทั้งภูมิประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ความพร้อมของห่วงโซ่อุปทาน และทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะความรู้ความสามารถ ที่เอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางด้านการผลิต และการดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ นอกจากนี้ เรามีการนำพันธมิตรของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมาลงทุนในประเทศไทย สร้างระบบนิเวศยานยนต์พลังงานใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม Great Wall Motor มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้การดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Local Excellence to Global Success จะทำให้การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และการก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ของ Great Wall Motor เดินหน้าด้วยความมั่นคง และยั่งยืน
ที่ผ่านมา Great Wall Motor ลงทุนในประเทศไทยไปแล้วกว่า 12,000 ล้านบาท และเราวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนเป็น 2 เท่า ด้วยการลงทุนเพิ่มอีก 12,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิต รองรับตลาด ทั้งในส่วนของการขยายเครือข่ายพาร์ทเนอร์ การตลาด การขาย อะไหล่
“บทบาทต่อจากนี้ของเรา คือ การผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาสู่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญเชิงกลยุทธ์ผ่านการลงทุนระยะยาว รวมถึงปรับเปลี่ยนการดำเนินงานหลากหลายด้านผ่านกลยุทธ์ด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการแข่งขันสูง ผมขอยืนยันว่าเราจะยังคงดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว นำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่คนไทยอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน Great Wall Motor มีการผลิตรถพวงมาลัยขวาไปจำหน่ายทั่วโลก ประมาณปีละ 1-2 แสนคัน ส่วนประเทศไทยเริ่มส่งออกไปยังเวียดนาม และอินโดนีเซีย ปีนี้ 10,000 คัน และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 20,000 คัน ปัจจุบันโรงงานในประเทศไทยที่จังหวัดระยองมีกำลังการผลิตปีละ 80,000-120,000 คัน ทั้งนี้ ในส่วนของยอดขายในประเทศไทยปีนี้คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 9,000-10,000 คัน ส่วนปีหน้าตั้งเป้ายอดขายที่ 20,000 คัน
สำหรับในตลาดโลก หลังจากประสบผลสำเร็จในการจำหน่ายแล้วกว่า 14 ล้านคันทั่วโลก Great Wall Motor International ตั้งเป้ายอดยอดขายทั่วโลกปีนี้ไว้ที่ 1,200,000-1,250,000 คัน และปีหน้าตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกที่ 1,500,000-1,800,000 คัน
เจมส์ หยาง รองประธาน Great Wall Motor ตลาดต่างประเทศ
พร้อมกันนี้ Great Wall Motor ประเทศไทย เตรียมปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่เข้มข้นในปัจจุบัน ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ภายใต้แนวคิด Local Excellence to Global Success เพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน สร้างการเติบโต ขยายฐานลูกค้า รวมถึงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับการผลิต และส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาสู่ผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ประกอบด้วย
กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ (Product Strategy) ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมขั้นสูงที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภค Great Wall Motor มุ่งเน้นการปรับตำแหน่งการตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการปรับแผนผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยอย่างแท้จริงในราคาที่เหมาะสมที่แข่งขันได้ นอกจากนี้ ยังเตรียมนำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของประเภทเครื่องยนต์ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ผ่านการรับฟังเสียงของผู้บริโภค (User-Centric) เพื่อนำไปพัฒนา และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับปีนี้ Great Wall Motor เตรียมแนะนำ TANK 300 (แทงค์ 300) และ 500 รวมถึง Sahar (ซาฮาร์) เครื่องยนต์ดีเซล ออกสู่ตลาด และในปี 2568 Great Wall Motor เตรียมเปิดตัว Haval H6 HEV (ฮาวัล เอช 6 เอชอีวี) และ PHEV ไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายใต้กลยุทธ์เดียวกันนี้ และภายในงาน Motor Expo 2024 ปลายปีนี้ Great Wall Motor จะนำนวัตกรรมใหม่มาจัดแสดง พร้อมสร้างเสียงฮือฮาถึง 2 รุ่น ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม SUV ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ Great Wall Motor พร้อมลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้โรงงานอัจฉริยะที่จังหวัดระยอง เป็นศูนย์กลางของการผลิต และส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาระดับโลก
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธาน Great Wall Motor ประเทศไทย
กลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขาย (After-Sales Service Strategy) Great Wall Motor ตั้งเป้าหมายในการส่งมอบบริการหลังการขายที่รวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการบริหารจัดการอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการสร้างศูนย์กระจายอะไหล่ขนาดใหญ่สำหรับตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งจะมีพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร รวมถึงการเพิ่มจำนวนการเก็บชิ้นส่วนอะไหล่กว่า 1,000 SKUs ในประเทศไทย โดยมี Part fill rate ที่ 97 % รวมถึงการพัฒนาโครงการศูนย์สี และซ่อมตัวถังที่ได้มาตรฐานครบวงจร (Certified Body & Paint) ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และขยายสู่ต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
นอกจากนี้ Great Wall Motor ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการผ่าน GWM Smart Service เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และอุ่นใจให้แก่ลูกค้าในการใช้งาน ให้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย และครบถ้วนมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเร่งพัฒนาความรู้ และความสามารถของช่างเทคนิคอย่างเข้มข้น ผ่านหลักสูตรที่เข้มข้นของศูนย์ฝึกอบรม (GWM Training Center) ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถมอบบริการที่ดี และมีคุณภาพให้แก่ลูกค้า รวมถึงการรับฟังเสียงของลูกค้าเพื่อนำไปปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดี และความพึงพอใจสูงสุดในทุกครั้งที่ใช้บริการ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในการเป็นเจ้าของรถยนต์ของ Great Wall Motor
กลยุทธ์ด้านการขาย (Sales Strategy) ผ่านการสร้างการเติบโต และการบริหารเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายเพื่อการขายที่มีประสิทธิภาพ โดย Great Wall Motor มุ่งเน้นการทำงานพูดคุยกับพาร์ทเนอร์อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาการดำเนินงานให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโต และการแข่งขันที่สูงขึ้นของตลาด นอกจากนี้ Great Wall Motor ยังมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น พร้อมเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรผู้จำหน่าย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด โดยในปัจจุบัน Great Wall Motor มีพาร์ทเนอร์ สโตร์ ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งหมด 70 แห่ง
นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในฐานะ Authorized Fleet Partner ทั่วประเทศ เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจฟลีทให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าองค์กร ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งบริษัทรถเช่า ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็ก (SME) และการเข้าร่วมประมูลของหน่วยงานภาครัฐ ยิ่งไปกว่านั้น Great Wall Motor จะขยายธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วภายใต้ GWM Certified Pre-Owned (CPO) เป็นบริการซื้อขายรถยนต์ใช้แล้วที่ผ่านการรับรองคุณภาพจาก Great Wall Motor เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมองหารถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีที่ได้มาตรฐานอีกด้วย
ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ Great Wall Motor ประเทศไทย
กลยุทธ์ด้านการสร้างแบรนด์ (Brand Building) ให้แตกต่างสู่การเป็นแบรนด์ในใจของคนไทย และทั่วโลก Great Wall Motor เน้นการสร้างแบรนด์ในระยะยาวโดยมีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ผ่านกิจกรรมระดับโลกต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ Great Wall Motor จะขยายการรับรู้ของแบรนด์เพื่อเข้าถึง และสร้างการจดจำในกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ได้มากยิ่งขึ้น ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดให้มีความทันสมัย และสร้างความแตกต่างมากยิ่งขึ้น ผ่านการสื่อสารเทคโนโลยีอันล้ำสมัยต่างๆ ที่มอบทั้งความปลอดภัย และความสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ Great Wall Motor ทั้งที่เป็น First-in-class และ Best-in-class ด้านกิจกรรมเพื่อสังคม
Great Wall Motor จะมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมให้มากยิ่งขึ้น สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน และสังคมอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเข้าไปมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น Great Wall Motor จะยังคงมุ่งมั่นในการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเดิม ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณค่า และจงรักภักดีกับแบรนด์ โดยส่งเสริมการแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีที่มีต่อแบรนด์สู่เพื่อน ครอบครัว และบุคคลรอบข้าง สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นำไปสู่การเติบโตของชุมชนผู้ใช้งานของ Great Wall Motor อย่างยั่งยืนในอนาคต