Nissan ประเทศไทย ได้ออกมาประกาศแล้วว่า จะนำรถยนต์สำหรับครอบครัวเข้ามาขายในประเทศหลังจากมีข่าวมากว่า 2 ปี นับจากการเปิดตัวที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรถรุ่นนั้นได้มาถึงประเทศไทยแล้ว จะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก Nissan Serena (นิสสัน เซเรนา) รหัส C27
Nissan Serena เป็นรถตู้เอมพีวีสำหรับครอบครัวขนาดกลางที่มาพร้อมจุดเด่นเรื่องของประตูสไลด์ เพิ่มความสะดวกสบายในการเข้า-ออกห้องโดยสาร และเทคโนโลยี Hybrid เป็นครั้งแรกในรถรุ่นนี้ ถือเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวที่มองหาความสะดวกสบาย และประหยัดน้ำมันในเวลาเดียวกัน
ถือเป็นการกลับมาในรอบ 30 ปีก็ว่าได้ หลังจากการนำเข้า Serena มาจำหน่ายในประเทศไทย ก่อนจะยุติไปในภายหลัง ปัจจุบันนั้นได้ออกมาถึงเจเนอเรชันที่ 6 (C28) ส่วนรุ่นที่นำเข้ามาขายในไทยจะยังเป็นรุ่นเจเนอเรชันที่ 5 (C27) ที่หลายประเทศยังขายอยู่
Nissan Serena ภายนอกออกแบบเส้นสายล้ำสมัย ลักษณะแบบกล่อง One-Box Type ด้วยกระจังหน้ารูปตัววี แบบ V-Motion grille รับกับกันชนหน้าพร้อมไฟหน้า Adaptive LED Headlight ไฟท้าย LED แนวลากยาว สามารถเปิดฝาท้ายได้ 2 แบบ ทั้งแบบ Dual Back Door สามารถแบ่งการเปิดกระจกด้านบน และเปิดฝาท้ายด้านล่างทั้งบาน เพิ่มความง่ายในการใช้งานเก็บสัมภาระ
กันชนหลัง และหลังคารถ มาพร้อมการตกแต่งให้มีความพิเศษ ด้วยกระจกมองข้าง และสปอยเลอร์หลัง สีดำแบบ Diamond Black มาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 195/65 R15 และขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 195/60 R16
มิติตัวถังมีความยาว 4,690 มม. ความกว้าง 1,695 มม. และความสูง 1,870 มม. ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,870 มม. ระยะต่ำสุดถึงพื้นอยู่ที่ 135 มม. สีภายนอก ในตลาดเมืองนอกมีให้เลือกถึง 14 รูปแบบ ทั้งแบบสีเดียว Monotone และ 2 สี Two-Tone จุดเด่นสำคัญของรุ่นนี้ อย่างประตูสไลด์ไฟฟ้า 2 บาน ซ้าย-ขวา พร้อมระบบเปิด-ปิดโดยระบบเซนเซอร์ ทำให้ไม่ต้องใช้มือในการเปิดอีกด้วย
ในด้านพื้นที่ภายใน รถรุ่นนี้ได้รับการขนานนามว่ามีความกว้างขวางมากที่สุดในเซกเมนท์รถตู้มีนีแวนก็ว่าได้ มาพร้อมเบาะ 3 แถว แบบ 7 ที่นั่ง ให้อุปกรณ์ทันสมัย และฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับการเดินทางไกล เบาะนั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 สามารถพับได้เรียบ สะดวกสบายด้วยเบาะที่นั่งอเนกประสงค์แบบ Long Slide ให้คุณปรับเลื่อนเบาะไปยังแถวที่ 1 หรือเบาะแถวที่ 2 เพื่อเพิ่มจำนวนที่นั่งของผู้โดยสาร สูงสุดถึง 8 ที่นั่ง
หน้าจอมาตรวัดแบบ Digital TFT ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay™ และ Android Auto™ และมีช่องเก็บของ ถาดวางของ ที่วางแก้วอยู่ด้านหลังเบาะนั่งคู่หน้า และช่อง USB ชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้ามากกว่า 20 จุด เรียกได้ว่าอรรถประโยชน์ครบครันในคันเดียว
หัวใจสำคัญ หรือระบบเครื่องยนต์ของ Serena บ้านเรานั้น คาดว่าจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน รหัส MR20DD 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 200 นิวทันเมตร ที่ 4,400 รตน. ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า S-Hybrid ให้พละกำลัง 2.6 แรงม้า 48 นิวทันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT เคลมอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 14.2 กม./ลิตร
ส่วนระบบความปลอดภัย สำหรับตลาดเมืองนอกนั้น Nissan Serena เป็นรถยนต์มีนีแวนรุ่นแรกที่จะได้ระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ ProPILOT 2.0 ที่สามารถควบคุมความเร็วอัตโนมัติให้ผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือได้ที่ความเร็ว 40 กม./ชม. ขึ้นไป รวมถึงระบบถอยจอดอัตโนมัติ ProPILOT Parking และระบบสั่งรถเคลื่อนที่ด้วยรีโมท ProPILOT Remote Parking สั่งงานผ่านรีโมทคอนทโรล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รถ Nissan เลือกใช้เทคโนโลยีที่ล้ำที่สุดในรุ่นนี้
แต่สำหรับบ้านเราเป็นที่น่าเสียดายว่า ระบบเหล่านั้นคาดว่าอาจจะไม่ได้มาเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังจัดออพชัน Nissan 360° Safety Shield เช่นเคย อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Intelligent Cruise Control with Stop & Go, ระบบเตือนมุมอับสายตา (BSM), ระบบเตือนรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (RCTA), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (CBS) เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (IRVM) และกล้องรอบคัน 360 องศา มาให้เต็มระบบ
สำหรับ Nissan Serena S-Hybrid ถือเป็นการกลับมาตามคำเรียกร้อง การเปิดตัวครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ Nissan ในตลาดรถยนต์ครอบครัวในประเทศไทยไม่มากก็น้อย ทั้งความอเนกประสงค์ ความสะดวกสบาย ถือว่าตอบโจทย์ได้หลากหลาย